ดอกไม้ที่มากมายด้วยความสวย และความหมาย จนมีหลากหลายตำนานให้กล่าวขานกันไม่จบสิ้น
ในศาสนาฮินดูกล่าวว่า เมื่อพระพรหมสร้างโลก พระองค์ก็ทรงเลือกดอกกุหลาบเป็นบรรณาการแด่พระนางลักษมี ชานเผ่าอินเดียแดง ก็มีเรื่องราวเกี่ยวกับดอกกุหลาบว่า
นักรบนาม ทะสูเวนาฮี เมื่อกลับจากการล่าสัตว์ถึงบ้าน เขาพบว่า โตวันซา คนรักของเขา ถูกชนเผ่าอื่นสังหาร ต่อมาเธอได้กลายเป็นดอกกุหลาบ ทำให้ทะสูเวนาฮีเสียใจมาก จึงอธิษฐานว่าเมื่อตายไปขอให้เกิดเป็นต้นกุหลาบที่มีหนามแหลมคม เพื่อคอยปกป้องไม่ให้ใครเข้าใกล้ดอกกุหลาบ
จักรวรรดิโรมัน ที่ปกครองโดยกษัตริย์เนโร พระองค์โปรดปรานดอกกุหลาบเป็นอย่างมาก โดยการซื้อดอกกุหลาบประดับประดางานเลี้ยง และให้โปรยกลีบกุหลาบจากเพดาน ลงมาสู่พื้นตลอดงานเลี้ยง แม้กระทั่งพระเขนยที่หนุนนอน ก็ยังยัดไส้ด้วยกลีบกุหลาบเลยทีเดียว
ชาวโรมัน เชื่อกันว่า ดอกกุหลาบ เป็นสัญลักษณ์ของความลึกลับ อาถรรพ์ แม้แต่ในการประชุมหากใครต้องการให้เป็นประชุมลับ ก็ให้วางดอกกุหลาบไว้ที่หน้าห้องประชุมนั้น ซึ่งในภาษาละตินคำว่า “Sub rosa” หรือ “Under the rose” ในภาษาอังกฤษ ความหมายก็คือ “ลับสุดยอด” นั่นเอง
พระนางคลีโอพัตรา ผู้เลอโฉม ต้อนรับการกลับมาของแม่ทัพมาร์ค แอนโทนี ด้วยการโปรยกลีบกุหลาบที่ห้องรับรองสูงถึง 20 นิ้วทีเดียว แม้แต่ในเรือพระที่นั่งก็ชโลมด้วยน้ำมันดอกกุหลาบจนหอมอยู่ตลอดเวลา
นครโรดส์ (Rose) ที่ยิ่งใหญ่ และสวยงามของกรีก ก็ได้ชื่อมาจาก Rhoden ซึ่งแปลว่า ดอกกุหลาบ (Rose) ซึ่งก็แน่แหล่ะค่ะ นครแห่งนี้มีสัญลักษณ์เป็นรูปดอกกุหลาบ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ว่ากันว่า นครที่ตั้งอยู่ริมทะเลแห่งนี้ ปลูกดอกกุหลาบนับแสนนับล้านต้น จนกลิ่นของมันหอมไปไกล นับพัน ๆ เมตร จนชาวเรือที่ผ่านไปมาก็ได้กลิ่นหอมอบอวลนี้ไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อขุดซากนครแห่งนี้ก็พบเหรียญที่มีสัญลักษณ์ที่เป็นดอกกุหลาบแทบทั้งสิ้น
เทพอีรอส หรือ คิวปิด โอรสของเทพวีนัส
ที่แปลกก็คือ ชาวกรีกเชื่อกันว่า คำว่า ROSE มาจากคำว่า EROS ซึ่งเป็นโอรสของเทพวีนัส หรือ คิวปิด (กามเทพ) เพราะเมื่อเทพอีรอส แย้มสรวลคราใด ก็จะกลายเป็นดอกกุหลาบเสียทุกครั้งไป
สีแดง ก็ เชื่อว่า คือโลหิตของเทพวีนัส ส่วนกลิ่นหอมกรุ่นของกุหลาบ เกิดจากเทพอีรอสได้ทำน้ำอมฤตหกลงไปที่ใจกลางของดอกกุหลาบนั่นเอง
กุหลาบ ใช่ว่าจะถูกใจกับสตรีเท่านั้น แม้แต่บุรุษเพศ ก็หลงใหลกับความสวย ของมัน ไม่ต่างกันเลย........