วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552
>>>กินเพื่อสุขภาพ<<<
1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้
2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย
4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร
5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในเนยมี กรดอะมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น
7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย
8. การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล
9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย
10. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม
วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552
>>>ยอดติดหวัด 2009 พุ่ง 774 คน พบโคม่า 1 ราย<<<
วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552
>>>ระวัง คลินิกมั่วฉีดวัคซีน อ้างกันหวัด<<<
คลินิกทำคนสับสน อ้างมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เรียกเก็บเข็มละ 600 บาท อธิบดีกรมควบคุมโรคยืนยันไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในตอนนี้มีแค่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ธรรมดาเท่านั้น
การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้สร้างความหวาดวิตกให้คนไทยมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อล่าสุดพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 200 คนแล้ว และจากสถานการณ์ดังกล่าวก็มีคำโฆษณาเชิญชวนจากคลินิกหลายแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง ว่า มีวัคซีนฉีดป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดการบอกเล่าปากต่อปากว่ามีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบ คลินิกบางแห่งคิดค่าฉีดวัคซีนดังกล่าวเข็มละ 600 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังคลินิกที่อ้างว่ามีวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงสาธารณสุขยังไม่เคยออกมายืนยันว่ามีวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 แพทย์เจ้าของคลินิกก็ชี้แจงว่า วัคซีนที่จะฉีดเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง แต่การฉีดวัคซีนดังกล่าวจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน ซึ่งจะมีผลในการป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่ง
นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คลินิกหรือโรงพยาบาลหลายแห่ง ใช้คำพูดที่กำกวมทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ความจริงแล้ว วัคซีนที่ใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีบริการอยู่ในหลายแห่งนั้น คือวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี ซึ่งก็คือปี 2009 คือไข้หวัดใหญ่ทั่วๆ ไป ไม่ใช่วัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 แต่อย่างใด
"ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีวัคซีนใดที่จะป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่ระบาดมาจากประเทศเม็กซิโกได้ อาจมีบริษัทยาบางแห่งอ้างว่าผลิตได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการทดลองตามขั้นตอนจนสามารถนำมาใช้กับคนได้ อย่างเร็วที่สุดที่จะมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ได้ ก็น่าจะเป็นปี 2010 และช่วงนี้เป็นช่วงไข้หวัดใหญ่ระบาดในทุกๆ ปี จึงทำให้เกิดความสับสนได้"
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สาเหตุที่ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากในช่วงที่โรคนี้ระบาด ในเม็กซิโกมีการเสนอข้อมูลด้านตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งที่จริงแล้วผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 มีสัดส่วนเหมือนไข้หวัดปกติ คือ ผู้ป่วย 1,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 1 คน เมื่อประชาชนได้รับข้อมูลที่ผิดจึงเป็นกระแสให้เกิดความหวาดผวาขึ้น
นพ.ม.ล.สมชาย กล่าวว่า มีนักวิชาการบอกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะระบาดต่อไปจนถึงปี 2010 โรคนี้ก็จะกลายเป็นโรคไข้หวัดประจำปีไป ส่วนการป้องกันนั้นเพียงแค่ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่สบาย เช่น มีน้ำมูกไหล มีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากอนามัย และควรพักผ่อนรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน 3 - 7 วัน แต่หากมีอาการมากขึ้นควรไปพบแพทย์ ระหว่างอยู่ที่บ้านควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น และสวมหน้ากากอนามัย
"ในช่วงฤดูฝนของทุกปีจะเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ทั่วไประบาด ประชาชนจึงควรดูแลสุขภาพตัวเอง และอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว
วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552
>>>พบ 2 สาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่ ครั้งแรกในโลก<<<
วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552
>>อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ทันทีที่คุณขึ้นรถ! <<
วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552
>>>ตัวอย่างชื่อไข้หวัดใหญ่ที่เคยระบาดทั่วโลก <<<
-พ.ศ.2500-2501 (ค.ศ.1957-1958) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H2 N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่เอเชีย (Asian Flu) ระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนระบาดไปทั่วโลก มีผู้เสียชีวิต 70,000 คน ในสหรัฐ การระบาดในครั้งนี้สามารถตรวจพบและจำแนกเชื้อได้รวดเร็ว และผลิตวัคซีนออกมาฉีดป้องกันได้ทัน จึงมีผู้เสียชีวิตไม่มาก
-พ.ศ.2511-2512 (ค.ศ.1968-1969) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H3 N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (Hong Kong Flu) รายงานผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวฮ่องกง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 34,000 คน ในสหรัฐ เป็นชนิดย่อยที่มีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายไข้หวัดใหญ่เอเชีย (H2 N2) จึงมีผู้ป่วยจำนวนไม่มาก เพราะมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้างแล้ว
-พ.ศ.2520-2521 (ค.ศ.1977-1978) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H1 N1 กลับมาระบาดใหม่ มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่รัสเซีย (Russian Flu) เริ่มระบาดที่สาธารณรัฐประชาชนจีนตอนเหนือ แล้วกระจายไปทั่วโลก ทราบภายหลังว่าเป็นไวรัสชนิดเดียวกับ ไข้หวัดใหญ่สเปน (H1 N1)
-ไข้หวัดนก (อังกฤษ: avian influenza หรือชื่อสามัญ bird flu) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชื่อ H5N1 ซึ่งพบได้ในสัตว์ปีก ค้นพบครั้งแรกในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในประเทศอิตาลี เรียกกันว่าไข้หวัดสเปน โรคนี้ระบาดอย่างหนักทั่วโลก
การระบาดของไข้หวัดนก สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับอุตสาหกรรมสัตว์ปีก โดยเฉพาะในประเทศไทยและเวียดนาม มีการฆ่าสัตว์ปีก โดยเฉพาะไก่ในฟาร์มไปหลายล้านตัว เพื่อระงับการแพร่กระจายของโรค