วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>กินเพื่อสุขภาพ<<<

กินเพื่อสุขภาพ
1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้
2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย
4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร
5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในเนยมี กรดอะมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น
7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย
8. การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล
9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย
10. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>ยอดติดหวัด 2009 พุ่ง 774 คน พบโคม่า 1 ราย<<<


นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ปรับการรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยต้องรายงานจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ควบคู่กับไปการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม และผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล เพราะที่ผ่านมามีผู้ป่วยหลายคนที่นอนโรงพยาบาล แต่อาการไม่หนัก ซึ่งตัวเลขที่มาก อาจทำให้ประชาชนแตกตื่น ขณะนี้ยืนยันว่า มีผู้ป่วยอาการหนักเพียงรายเดียว จากผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลทั้งหมด 14 ราย

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ผู้ป่วยอาการหนักเป็นหญิงวัย 50 ปี แพทย์เป็นห่วงมาก เพราะมีโรคประจำตัว ได้ให้คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล และโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันตรวจวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องหาสาเหตุที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล เพราะแม้เชื้อจะรุนแรงน้อย แต่หากผู้รับเชื้อไม่มีภูมิคุ้มกัน และร่างกายอ่อนแอ ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้

วันเดียวกัน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางตรวจเยี่ยมโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี โดยกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 69 ราย รวมขณะนี้ มีผู้ป่วยสะสม 774 ราย โดยจำนวนที่เพิ่มขึ้น 69 ราย เป็นนักเรียน 61 ราย โรงเรียนจึงเป็นสถานที่ที่น่าเป็นห่วงของการแพร่ระบาด จึงฝากให้นักเรียนยึดหลักในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยลดการติดเชื้อหวัดทุกชนิดได้ถึงร้อยละ 90

นายวิทยา กล่าวต่อว่า โรคนี้ส่วนใหญ่หายได้เอง อัตราการเสียชีวิตจึงอยู่ที่ร้อยละ 0.2-0.4 เท่านั้น ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ธรรมดา ปีที่ผ่านมา มีผู้ป้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ธรรมดาในไทย ถึง 900,000 คน เสียชีวิต 302 คน อย่างไรก็ตาม แม้ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะไม่รุนแรงแต่ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ จึงต้องฝากให้นักเรียนรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันโรค

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า แม้มีบางโรงเรียนประกาศหยุดเรียน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อหวัดใหญ่ฯ 2009 แต่จะพบว่า มีการแพร่ระบาดจากโรงเรียนในเมืองไปยังโรงเรียนย่านปากน้ำ จ.สมุทรปราการ เมื่อกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบ พบว่า เป็นการแพร่ระบาดจากโรงเรียนกวดวิชาแทน สำหรับมาตรการต่างๆ ที่ สธ. รณรงค์ให้ความรู้ทำความเข้าใจประชาชน ได้รับการตอบรับดี และเข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ไม่ใช่หวัดมฤตยู

รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยังกล่าวถึงผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ว่า ปัจจุบันมีเพียง 14 ราย ที่ยังรักษาตัวที่โรงพยายาล และมี 1 ราย ต้องเฝ้าระวังอย่างพิเศษ เป็นหญิงอายุประมาณ 50 ปี ติดเชื้อจากลูก มีโรคแทรกซ้อน มีอาการปอดปวมต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นอาการที่น่าห่วง

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>ระวัง คลินิกมั่วฉีดวัคซีน อ้างกันหวัด<<<


คลินิกทำคนสับสน อ้างมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เรียกเก็บเข็มละ 600 บาท อธิบดีกรมควบคุมโรคยืนยันไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในตอนนี้มีแค่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ธรรมดาเท่านั้น


การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้สร้างความหวาดวิตกให้คนไทยมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อล่าสุดพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 200 คนแล้ว และจากสถานการณ์ดังกล่าวก็มีคำโฆษณาเชิญชวนจากคลินิกหลายแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง ว่า มีวัคซีนฉีดป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดการบอกเล่าปากต่อปากว่ามีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบ คลินิกบางแห่งคิดค่าฉีดวัคซีนดังกล่าวเข็มละ 600 บาท


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังคลินิกที่อ้างว่ามีวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงสาธารณสุขยังไม่เคยออกมายืนยันว่ามีวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 แพทย์เจ้าของคลินิกก็ชี้แจงว่า วัคซีนที่จะฉีดเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง แต่การฉีดวัคซีนดังกล่าวจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน ซึ่งจะมีผลในการป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่ง


นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คลินิกหรือโรงพยาบาลหลายแห่ง ใช้คำพูดที่กำกวมทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ความจริงแล้ว วัคซีนที่ใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีบริการอยู่ในหลายแห่งนั้น คือวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี ซึ่งก็คือปี 2009 คือไข้หวัดใหญ่ทั่วๆ ไป ไม่ใช่วัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 แต่อย่างใด


"ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีวัคซีนใดที่จะป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่ระบาดมาจากประเทศเม็กซิโกได้ อาจมีบริษัทยาบางแห่งอ้างว่าผลิตได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการทดลองตามขั้นตอนจนสามารถนำมาใช้กับคนได้ อย่างเร็วที่สุดที่จะมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ได้ ก็น่าจะเป็นปี 2010 และช่วงนี้เป็นช่วงไข้หวัดใหญ่ระบาดในทุกๆ ปี จึงทำให้เกิดความสับสนได้"


อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สาเหตุที่ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากในช่วงที่โรคนี้ระบาด ในเม็กซิโกมีการเสนอข้อมูลด้านตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งที่จริงแล้วผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 มีสัดส่วนเหมือนไข้หวัดปกติ คือ ผู้ป่วย 1,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 1 คน เมื่อประชาชนได้รับข้อมูลที่ผิดจึงเป็นกระแสให้เกิดความหวาดผวาขึ้น


นพ.ม.ล.สมชาย กล่าวว่า มีนักวิชาการบอกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะระบาดต่อไปจนถึงปี 2010 โรคนี้ก็จะกลายเป็นโรคไข้หวัดประจำปีไป ส่วนการป้องกันนั้นเพียงแค่ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่สบาย เช่น มีน้ำมูกไหล มีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากอนามัย และควรพักผ่อนรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน 3 - 7 วัน แต่หากมีอาการมากขึ้นควรไปพบแพทย์ ระหว่างอยู่ที่บ้านควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น และสวมหน้ากากอนามัย


"ในช่วงฤดูฝนของทุกปีจะเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ทั่วไประบาด ประชาชนจึงควรดูแลสุขภาพตัวเอง และอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว


วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>พบ 2 สาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่ ครั้งแรกในโลก<<<


ศิริราช เผย พบสาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่รายแรกในโลก เป็นเชื้อผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ คาดติดจากชาวแอฟริกัน เชื้อระบาดง่าย-เร็วขึ้น แถมดื้อยาต้านไวรัส ชี้หญิงไทยลอบขายบริการที่แอฟริกาใต้ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ โดยในปีนี้มีการทำวิจัยต่อเนื่องตามปกติปรากฏว่า พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่า เป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็ได้ โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)

ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวว่า ตัวอย่างทั้ง 2 ราย มาจากหญิงฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เป็นเชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ที่ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะไนจีเรีย ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่า เป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คน ได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง ที่น่าเป็นห่วงคือ สายพันธุ์เอชไอวี จากแอฟริกา จะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสเอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่าย และแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น

ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา แนะนำว่า การพบเชื้อเอดส์พันธุ์ใหม่ 2 ชนิดจากตัวอย่าง 44 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 2 เป็นตัวเลขที่สูงมาก กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งเก็บตัวอย่างเลือดของผู้หากติดเอดส์มาวิเคราะห์โมเลกุล เพื่อสืบหาสายพันธุ์ลูกผสมว่า มีการแพร่ระบาดมากน้อยเพียงไร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เสพยาเสพติดและหญิงบริการ เพราะถ้าใครมีเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์ เมื่อแพร่เชื้อออกไปผู้ติดเชื้อใหม่ก็จะได้รับเชื้อตัวนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใดมีเชื้อเอดส์เอ-อี หรือบีอยู่ในตัว แล้วได้รับเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์เข้าไป ก็อาจจะกลายเป็นเชื้อผสม 4-5 สายพันธุ์ได้ เพราะเคยมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วที่แอฟริกา โดยพบผู้ติดเชื้อเอดส์ 5 สายพันธุ์ผสมกัน หรือที่เรียกว่า ซีพีเอกซ์ (CPX)

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ทันทีที่คุณขึ้นรถ! <<


โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจอดรถตากแดดไว้ ให้เปิดหน้าต่างหลังจากขึ้นรถ และอย่าเปิดแอร์ทันที ตามผลการวิจัย แผงหน้าปัทม์ (คอนโซล) เบาะที่นั่ง และน้ำหอมปรับอากาศ จะสร้างสารเบนซีน ที่เป็นสารก่อมะเร็งขึ้น (อย่างที่คุณได้กลิ่นเหมือนพลาสติคจาง ๆ ในรถ "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถใหม่"

นอกจากเป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งแล้ว สารดังกล่าวยังเป็นพิษต่อกระดูก ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง และลดจำนวนเม็ดเลือดขาว ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เป็นโรคลูคีเมีย และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์มารดาได้

ระดับของสารเบนซีนที่ยอมรับได้ในอาคาร / ในรถ คือ 50 มิลลิกรัม ต่อ ตารางฟุต แต่ระดับของสารเบนซีนในรถที่จอ[คำไม่พึงประสงค์]ยู่ในร่มมีค่าอยู่ที่ 400 - 800 มิลลิกรัม หากรถจอดอยู่กลางแจ้งที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 60 องศาฟาร์เรนไฮท์ 15.5 องศาเซลเซียส "ในเมืองไทยจอดในร่มอุณหภูมิก็สูงเกินแล้ว" ระดับของสารเบนซีนจะสูงขึ้นถึง 2000 -4000 มิลลิกรัม คือสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง 40 เท่า คนที่อยู่ในรถจะหายใจเอาสารพิษที่สูงเกินมาตรฐานดังกล่าวเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าให้คุณเปิดประตู หน้าต่างรถ ไว้สักระยะเพื่อให้อากาศที่อยู่ในตัวรถออกมาก่อนจะเข้าไปนั่ง สารพิษที่ร่างกายคุณไม่สามารถขับออกได้โดยง่าย ซึ่งส่งผลร้ายต่อ ตับ ไต ไส้ พุง

"เมื่อใครบางคนแบ่งปันบางสิ่งที่มีค่ากับคุณ และคุณได้รับประโยชน์จากมัน คุณก็ควรจะแบ่งปันสิ่งนั้นให้กับผู้อื่นด้วย"??

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>ตัวอย่างชื่อไข้หวัดใหญ่ที่เคยระบาดทั่วโลก <<<

-พ.ศ.2461-2462 (ค.ศ.1918-1919) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H1 N1 (ยุคนั้นยังไม่สามารถตรวจแยกเชื้อได้ แต่มีการตรวจชนิดของเชื้อไวรัสในภายหลัง) ชื่อว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (Spain Flu) เป็นการระบาดทั่วโลกครั้งร้ายแรงที่สุด มีผู้ป่วยเสียชีวิตประมาณ 50 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐกว่า 500,000 คน
-พ.ศ.2500-2501 (ค.ศ.1957-1958) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H2 N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่เอเชีย (Asian Flu) ระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนระบาดไปทั่วโลก มีผู้เสียชีวิต 70,000 คน ในสหรัฐ การระบาดในครั้งนี้สามารถตรวจพบและจำแนกเชื้อได้รวดเร็ว และผลิตวัคซีนออกมาฉีดป้องกันได้ทัน จึงมีผู้เสียชีวิตไม่มาก
-พ.ศ.2511-2512 (ค.ศ.1968-1969) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H3 N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (Hong Kong Flu) รายงานผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวฮ่องกง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 34,000 คน ในสหรัฐ เป็นชนิดย่อยที่มีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายไข้หวัดใหญ่เอเชีย (H2 N2) จึงมีผู้ป่วยจำนวนไม่มาก เพราะมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้างแล้ว
-พ.ศ.2520-2521 (ค.ศ.1977-1978) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H1 N1 กลับมาระบาดใหม่ มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่รัสเซีย (Russian Flu) เริ่มระบาดที่สาธารณรัฐประชาชนจีนตอนเหนือ แล้วกระจายไปทั่วโลก ทราบภายหลังว่าเป็นไวรัสชนิดเดียวกับ ไข้หวัดใหญ่สเปน (H1 N1)
-ไข้หวัดนก (อังกฤษ: avian influenza หรือชื่อสามัญ bird flu) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชื่อ H5N1 ซึ่งพบได้ในสัตว์ปีก ค้นพบครั้งแรกในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในประเทศอิตาลี เรียกกันว่าไข้หวัดสเปน โรคนี้ระบาดอย่างหนักทั่วโลก
การระบาดของไข้หวัดนก สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับอุตสาหกรรมสัตว์ปีก โดยเฉพาะในประเทศไทยและเวียดนาม มีการฆ่าสัตว์ปีก โดยเฉพาะไก่ในฟาร์มไปหลายล้านตัว เพื่อระงับการแพร่กระจายของโรค