วันอังคารที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2552

>>>คำอวยพรวันคริสต์มาส<<<

คำอวยพรวันคริสต์มาส



วันคริสต์มาส (christmas day) เป็นวันแห่งความสุข เป็นวันที่มีประวัติยาวนาน ดังที่ได้เล่าประวัติวันคริสต์มาส ไว้ครั้งก่อน ซึ่งเราได้รวบตัวคำอวยพรวันคริสต์มาสภาษาไทย คำอวยพรวันคริสต์มาสเป็นภาษาอังกฤษ ไว้สำหรับทำการ์ดคริสต์มาส ในเทศกาลวันคริสต์มาส อันใกล้จะถึงนี้


ภาพคริสต์มาส สวยๆนี้ก็สามารถนำไปตกแต่งการ์ดอวยพรวันคริสต์มาสได้



กลอนวันคริสต์มาส (คำอวยพรวันchristmas)
คริสต์มาสต์ที่คิดถึงคำนึงหา
รอเวลาเช่นนี้มาช้านาน
เพื่อเข้าร่วมความสุขในเทศกาล
ล้างหมู่มารทั้งหลายข้างในใจ

ในวันนี้สุขสันต์อย่างสุดซึ้ง
ควรคำนึงความปลอดภัยอีกมากหลาย
วันความสุขไม่ควรจะไปตาย
ขับปลอดภัยไร้ทุกข์โศกตลอดไป


ขอให้มีความปีติยินดีในวันคริสต์มาสและรื่นเริงในวันปีใหม่


คริสมาสต์ ปีนี้ขอให้มีความสุขมากๆ


คิดสิ่งใดก็ขอให้สมความปราถนา

สุขภาพร่างกายแข็งแรง

______________________

ประวัติวันคริสต์มาส

คริสต์มาส เป็นคำทับศัพท์จากภาษาอังกฤษ (Christmas) ซึ่งมาจากคำภาษาอังกฤษโบราณว่า Christes Maesse แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษ (เขียนขึ้นในปี ค.ศ. 1038) และในปัจจุบันคำนี้ก็ได้เปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

ประวัติความเป็นมาของวันคริต์มาส ซึ่งเป็นวันประสูติของพระเยซูนั้น ตามหลักฐานในพระคัมภีร์บันทึกไว้ว่า พระเยซูเจ้าประสูติในรัชกาลของจักรพรรดิออกุสตุสแห่งจักรวรรดิโรมัน ซึ่งทรงสั่งให้จดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งแผ่นดิน โดยคีรีนิอัส เจ้าเมืองซีเรีย ก็รับนโยบายไปปฏิบัติให้มีการจดทะเบียนสำมะโนครัวทั่วทั้งอาณาเขต แต่ในพระคัมภีร์ ไม่ได้ระบุว่า พระเยซูประสูติวันหรือเดือนอะไร ด้านนักประวัติศาสตร์วิเคราะห์ว่า เดิมทีวันที่ 25 ธันวาคม เป็นวันที่จักรพรรดิเอาเรเลียนกำหนดให้เป็นวันฉลองวันเกิดของสุริยะเทพ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 274 ชาวโรมันซึ่งส่วนใหญ่นับถือเทพเจ้าฉลองวันนี้เสมือนว่า เป็นวันฉลองของพระจักรพรรดิไปในตัวด้วย เพราะจักรพรรดิก็เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ ที่ให้ความสว่างแก่ชีวิตมนุษย์ แต่ชาวคริสต์ที่อยู่ในจักรวรรดิโรมัน รวมถึงชาวโรมันที่เปลี่ยนไปนับถือคริสต์อึดอัดใจที่จะฉลองวันเกิดของสุริยเทพ จึงหันมาฉลองการบังเกิดของพระเยซูเจ้าแทน หลังจากที่ชาวคริสต์ถูกควบคุมเสรีภาพทางศาสนาตั้งแต่ปี ค.ศ. 64 – ค.ศ. 313 จนถึงวันที่ 25 ธันวาคม ปี ค.ศ. 330 ชาวคริสต์จึงเริ่มฉลองคริสต์มาสอย่างเป็นทางการและเปิดเผย



ดังนั้นเป็นการฉลองการบังเกิดของพระเยซูที่เราเฉลิมฉลองกันในวันที่ 25 ธันวาคม คำว่า " คริสมาส" เป็นคำทับศัพท์ภาษาอังกฤษ Christmas มาจากคำภาษาอังกฤษโบราณ ว่า Christes Maesse ที่แปลว่า "บูชามิสซาของพระคริสตเจ้า" คำว่า "Christes Maesse" พบครั้งแรกในเอกสารโบราณเป็นภาษาอังกฤษในปี 1038 และคำนี้ก็ได้แปรเปลี่ยนมาเป็นคำว่า Christmas

ในภาษาไทย " คริสต์มาส " ก็มีความหมาย เช่นกัน คำว่า "มาส" แปลว่า "เดือน" เทศกาลคริสต์มาสจึง เป็นเดือนที่เราระลึกถึงพระเยซูคริสต์เจ้าเป็นพิเศษ คำว่า"มาส" คือ"ดวงจันทร์" ตีความหมายในภาษาไทยคือพระเยซูทรงเป็นความสว่างของโลก เหมือนดวงจันทร์ เป็นความสว่างในตอนกลางคืน Merry X’mas คำว่า Merry ในภาษาอังกฤษโบราณ แปลว่า"สันติสุขและความสงบทางใจ"

วันอาทิตย์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2552

>>>โมโซไทยดอทคอม<<<

บทเรียนจากการสร้างกระแสเศรษฐกิจพอเพียง ทั้งที่มีการจุดประกายแนวคิดมานานหลายปี แต่เอาเข้าจริง ไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจปรัชญาความคิดอย่างลึกซึ้ง หลายคนยังแยกไม่ออกระหว่าง "ความต้องการ" และ "ความจำเป็น"

ที่สำคัญ วัยรุ่นและคนไทยรุ่นใหม่ยังอยู่ท่ามหลางวัฒนธรรมการบริโภคแบบสนองอารมณ์ที่มีอยู่ไม่สิ้นสุด ยอมจ่ายเงินหลายพันเพื่อซื้อคอมเสิร์ตนักร้องเกาหลี อยากมีอยากได้ของแบรนด์เนม ยอมแม้กระทั่งขายเรือนร่างและเงินซื้อกระเป๋าในละแสน เพื่ออวดรสนิยมเหมือนดาราเห่อของหรูราคาแพง
นั่นทำให้ชุมชนโมโซออนไลน์ www.mosothai.com เปิดตัวขึ้นมาเพื่อเป็นสื่อกลางถ่ายทอดความคิดไปยังกลุ่มคนรุ่นใหม่ สร้างเครือข่ายและหาต้นแบบหรือไอดอลมาสะท้อนความคิดตามแนวเศรษฐกิจพอเพียง
สำหรับความหมายของ "โมโซ" หรือ mosothai นั้น คำแรก "MO" มาจากคำว่า "Moderation" หมายถึง ความพอประมาณ ไม่มาไป ไม่น้อยไป พอดีๆ

ส่วน "SO" มาจากคำว่า "Society" หมายถึง สังคม

ชาว MOSO ก็หมายถึง กลุ่มคนรุ่นใหม่ของสังคมที่ใช้ชีวิตในรูปแบบพอดีๆ ยึดหลักความพอประมาณ การเป็นคนมีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันทางความคิดในการดำเนินชีวิต ตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ต้องรู้จัก "พอประมาณ" ในการใช้ชีวิตเสียก่อน ทำทุกอย่างให้อยู่ในความพอดี รู้จักขีดความสามารถของตนเอง ไม่ทำอะไรเกินตัว รู้จักใช้ "ดหตุผล" มากขึ้น เรียนรู้ว่าอะไรคือสิ่งที่มากไป น้อยไป มีการไตร่ตรองเปรียบเทียบข้อดีข้อเสีย ได้อย่างชัดเจน และเมื่อเรามีทั้งความคิดที่ "พอประมาณ" บวกกับการใช้ "เหตุผล" ที่มากพอแล้ว ทั้งสองสิ่งจะสร้าง "ภูมิคุ้มกัน" ต่ออุปสรรคและปัญหา ควบคู่กันการมีความรู้และคุณธรรม
จุดกำเนิดของสังคมพอประมาณหรือ "โมโซไซตี้"เริ่มต้นเมื่อปี 2548 จากงานวิจัยของสถาบันไทยพัฒน์ มูลนิธิบูรณะชนบทแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ภายใต้การนำของ ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ โดยมีสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย(สกว.)เป็นผู้สนับสนุน เพื่อสร้างขบวนเคลื่อนไหวในสังคมในเกิดความตระหนักในการใช้ชีวิตอย่างพอประมาณ มีเหตุผลและมีภูมิคุ้มกันตามแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ปัจจุบันมีผู้สนใจทั้งระดับองค์กร และระดับบุคคลนำแนวคิดโมโซไซตี้ไปใช้ในการ รณรงค์หรือขับเคลื่อนโครงการหรือกิจกรรมกว่า 30 องค์กร และชาวโมโซลงทะเบียนในเครือข่ายมากกว่า 5,000 คนแล้ว รวมทั้งออกแบบกิจกรรมให้เหมาะสมกับสภาพท้องถิ่น เช่น กิจกรรมต้นแบบโรงเรียนเศรษฐกิจพอเพียงของโรงเรียนจุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย จ.เพชรบุรี กิจกรรมให้ความรู้เศรษฐกิจพอเพียงแก่ครู ศรช. ศูนย์การศึกษานอกโรงเรียน จ.นครปฐม นิทรรศการตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เรื่องการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงในงาน "1,392 ปิ๋สลีเวียงวังฆะเติ๋น" จ.ลำปาง

วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

>>>ต้นไม้ที่แปลกที่สุดในโลก<<<

1. Baobab
ต้นไม้ที่มหัศจรรย์ที่สุดก็คือต้น Baobab หรือต้นขนมปังลิง (monkey bread tree) สามารถเติบโตได้ถึง 100 ฟุต และกว้างถึง 35 ฟุต สิ่งแปลกประหลาดของต้นไม้นี้ก็คือ ภายใต้ลำต้นที่บวมนี้คือ ที่เก็บน้ำที่จุได้มากถึง120,000 ลิตร ไว้ใช้ในสภาวะอากาศแห้งแล้ง

2. Bristlecone Pine
ต้นสน Briatlecone ถือได้ว่าเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่มาก ซึ่งพันธุ์ Methuselah นั้นจัดเป็นต้นไม้ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ที่มีอายุ 4,838 ปี อยู่เหนือระดับน้ำทะเลถึง 11,000 ฟุต

3. Banyan
ต้น Banyan ตั้งชื่อตาม "banians" หรือผู้บุกรุกชาวฮินดูที่ทำกิจกรรมต่างๆภายใต้ต้นนี้ และต้น Banyan เคยเป็นบ้านต้นไม้ของ โรบิลสัน ครูโซมา แล้วด้วย

4. Tule
ต้น Tule เป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในตระกูล Montezuma Cypress ตั้งอยู่ใกล้เมือง Oaxaca ประเทศเม็กซิโก มีขนาดลำต้นโดนรอบ 190 ฟุต (58 เมตร) ซึ่งใความหนาจนผู้คนพูดว่าแทนที่คุณจะโอบกอดมัน...มันกลับโอบกอดคุณแทน

5. Pando
ต้น Pando หรือ Trembling Giant ในรัฐยูท่าห์ ประกอบไปด้วยกว่า 47,000 กิ่งก้านสาขาที่แผ่ขยายไปทั่วพื้นที่ 107 เอเคอร์ หนักประมาณ 6,600 ต้น และมีระบบรากแก้วใต้ดินที่ใหญ่โตมาก เฉลี่ยแล้วแต่ละกิ่งก้านนั้นมีอายุประมาณ 130 ปี รวมทั้งระบบของต้น 6. Chapel - Oak of Allouville - Bellefosse
ต้น Chapel - Oak of Allouville - Bellefosse เป็นต้นไม้ที่มีชื่อเสียงที่สุดในฝรั่งเศส มันไม่ใช่เพียงแค่ต้นไม้ธรรมดา แต่เป็นสถานที่สำคัญทางศาสนาอีกด้วย ในปัจจุบันบางส่วนของโอ๊กต้นนี้ได้ร่วงไปบ้างแล้วตามกาลเวลา แต่ผู้คนที่นั่นใช้เสาและสายเคเบิ้ลในการรองรับต้นไม้เก่าแก่ต้นนี้

7. Coast Redwood
ต้นCoast Redwood ถือเป็นต้นไม้สูงที่สุดในโลก โดยเจ้าต้นที่ชื่อว่า Hyperion ใน Redwood National Park นั้นมีความสูงกว่า 379 ฟุต(115เมตร) จุดเด่นของมันก็ ต้น Coast Redwood จะประกอบไปด้วยต้นแคลิฟอร์เนียเรดวู้ดยักษ์ถึง 4 ต้น ซึ่งมันใหญ่ขนาดที่ว่าเราสามารถขับรถผ่านได้!

8. Giant Sequoias
ต้น Giant Sequoias ถือได้ว่าเป็นต้นไม้ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ปลูกในเซียร์ร่า เนวาดา รัฐแคลิฟอร์เนีย ซึ่งต้น Giant Sequoiasที่ใหญ่ที่สุดคือพันธุ์ Genaeral Sherman ตั้งตระหง่านใหญ่อยู่ใน Sequoia National Park มีลำต้นสูงถึง 275 ฟุต (83.8เมตร)และหนัก 6,000ตัน
9. Circus
Axel Erlandson เกษตรกรปลูกถั่วคนหนึ่งได้ดัดแปลงและแกะสลักต้นไม้เป็นรูปร่างและลวดลายที่แสนมหัศจรรย์จริงๆ เจ้าได้ตั้งขื่อมันว่า "Circus" นี่คือตัวอย่างเจ้าต้น Circus ที่คิดว่ากว่าจะทำได้คงลำบากน่าดู

วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

>>>เคล็ดลับเรียนคณิตศาสตร์ให้เก่ง <<<


- เวลาฟังครู หรือเวลาอ่าน ต้อง คิด ถาม จด ถ้าไม่เข้าใจควรจดคำถามไปค้นคว้า หรือถามผู้รู้
- หมั่นดูหนังสือหรือทำการบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ หามุมอ่านหรือทำการบ้านที่เหมาะสม
-จัดเวลาทบทวนสิ่งที่เรียนมา หรืออ่านล่วงหน้าสิ่งที่จะเรียนต่อไป และถ้าปฏิบัติตามที่กำหนดได้ควรให้รางวัลตัวเอง เช่น ได้ขนม ได้เล่น ได้ฟังเพลง ดูทีวี เป็นต้น
-ทบทวนความรู้กับเพื่อน อย่าหวงวิชา แบ่งปันความรู้อธิบายให้กันและกัน อย่าช่วยเหลือเพื่อนในทางที่ผิด เช่น ทุจริตเวลาสอบ หรือให้ลอกงานโดยไม่เข้าใจ
-ศึกษาด้วยตัวเอง โดยนำตำราหลายๆเล่ม มาทำความเข้าใจจดสาระสำคัญต่างๆ และหมั่นหาโจทย์แปลๆมาทำมากๆ

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

>>>เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง <<<



เหตุผลและความเชื่อของการลอยกระทง

สาเหตุที่มีประเพณีลอยกระทงขึ้นนั้น เกิดจากความเชื่อหลาย ๆ ประการของแต่ละท้องที่ ได้แก่

1.เพื่อแสดงความสำนึกถึงบุญคุณของแม่น้ำที่ให้เราได้อาศัยน้ำกิน น้ำใช้ ตลอดจนเป็นการขอขมาต่อพระแม่คงคา ที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลต่าง ๆ ลงไปในน้ำ อันเป็นสาเหตุให้แหล่งน้ำไม่สะอาด

2.เพื่อเป็นการสักการะรอยพระพุทธบาทนัมมทานที เมื่อคราวที่พระพุทธเจ้าเสด็จไปแสดงธรรมโปรดในนาคพิภพ และได้ทรงประทับรอยพระบาทไว้บนหาดทรายแม่น้ำนัมมทานที ซึ่งเป็นแม่น้ำสายหนึ่งอยู่ในแคว้นทักขิณาบถของประเทศอินเดีย ปัจจุบันเรียกว่าแม่น้ำเนรพุทท

3.เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ เพราะการลอยกระทงเปรียบเหมือนการลอยความทุกข์ ความโศกเศร้า โรคภัยไข้เจ็บ และสิ่งไม่ดีต่าง ๆ ให้ลอยตามแม่น้ำไปกับกระทง คล้ายกับพิธีลอยบาปของพราหมณ์


4.เพื่อเป็นการบูชาพระอุปคุต ที่ชาวไทยภาคเหนือให้ความเคารพ ซึ่งบำเพ็ญเพียรบริกรรมคาถาอยู่ในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล โดยมีตำนานเล่าว่าพระอุปคุตเป็นพระมหาเถระรูปหนึ่งที่มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถปราบพญามารได้


5.เพื่อรักษาขนบธรรมเนียมของไทยไว้มิให้สูญหายไปตามกาลเวลา และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้เกิดขึ้นทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ



6.เพื่อความบันเทิงเริงใจ เนื่องจากการลอยกระทงเป็นการนัดพบปะสังสรรค์กันในหมู่ผู้ไปร่วมงาน




7.เพื่อส่งเสริมงานฝีมือและความคิดสร้างสรรค์ เพราะเมื่อมีเทศกาลลอยกระทง มักจะมีการประกวดกระทงแข่งกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมได้เกิดความคิดแปลกใหม่ และยังรักษาภูมิปัญหาพื้นบ้านไว้อีกด้วย

วันเสาร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2552

>>>Halloween<<<



L’Halloween (en Amérique du Nord, avec un déterminant) ou Halloween (sans article, forme utilisée en France) est une fête qui se déroule dans la nuit du 31 octobre au 1er novembre. Elle est fêtée principalement en Irlande, au Canada, en Australie, en Grande-Bretagne et aux États-Unis. La tradition la plus connue veut que les enfants se déguisent avec des costumes qui font peur ou qui font rire (fantômes, sorcières, monstres,vampires, etc.) et aillent sonner aux portes en demandant aux adultes, souvent eux-mêmes déguisés, des bonbons, des fruits ou de l'argent avec la formule : Trick or treat! (« Des bonbons ou un mauvais sort ! ») ou simplement « Halloween ! ». D'autres activités incluent des bals masqués, le visionnement de films d'horreur, la visite de maisons « hantées », etc.
L'Halloween est une fête folklorique anglo-saxonne, à laquelle certains prêtent une origine celtique, basée sur la concomitance calendaire du 1er novembre, période de l'antique fête religieuse celtique de Samain. Cette tradition a été transportée en Amérique du Nord au XIXe siècle par les Irlandais, les Écossais et autres immigrants.
Le principal symbole de l'Halloween est la citrouille, remplacée quelquefois par un potiron, issu de la légende irlandaise de Jack-o'-lantern : on le découpe pour y dessiner, en creux, un visage, puis on place une bougie en son centre.


L'Halloween est une fête folklorique traditionnelle à laquelle certains attribuent une lointaine origine celtique. Pendant la protohistoire celtique, existait une fête religieuse - Samain en Irlande, Samonios en Gaule –, qui se déroulait sous l’autorité des druides, pendant sept jours (le jour de Samain lui-même et trois jours avant et trois jours après). « C’est une fête de fermeture de l’année écoulée et d’ouverture de l’année à venir. Le temps de Samain est celui du Sid brièvement confondu avec celui de l'humanité. » C’est la période de possibles rencontres mythiques entre certains hommes et les dieux des Tuatha Dé Danann. La civilisation celtique (et la religion et les fêtes druidiques) a disparu d’Irlande au Ve siècle, avec l'évangélisation hagiographique de saint Patrick. La fête chrétienne de la Toussaint, à laquelle est adossée Halloween, n’a été instituée qu’au IXe siècle par le pape Grégoire IV. L’abondante littérature irlandaise médiévale, élaborée par les clercs entre le VIIIe et le XIIe, ne mentionne que la fête sacrée de Samain.
L’étymologie appartient strictement à la langue anglaise, sans aucun rapport avec le gaélique ou toute autre langue celtique. Son nom actuel est une altération de All Hallow Even, qui signifie littéralement le soir de tous les saints du paradis, c'est-à-dire la veille de la fête chrétienne de la Toussaint (hallow est une forme archaïque du mot anglais holy qui signifie : saint, even est une forme usuelle qui a formé evening (soir)). L'orthographe Hallowe’en est encore parfois utilisé au Canada et au Royaume-Uni.
La fête folklorique d’Halloween a été, pour finir, importée sur le continent nord-américain par les immigrants catholiques britanniques.

วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

>>>๒๐ คำถามกับท่าน ว.วชิรเมธี<<<


บางส่วนจากหนังสือมหัศจรรย์แห่งชีวิต ๗ หลักคิดจาก ว.วชิรเมธี
๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน?
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ
๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?
(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?
ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ ส่วนปลาตาย มักไหลตามน้ำ ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข
๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?
งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน
๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?
โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์ ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง
๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?
(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา
๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?
เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้
๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?
(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ
๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?
โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้ เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา
๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?
(๑) หางานใหม่
(๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอดจ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่
๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?
คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างใจกำลังพัง คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย
๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?
ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาปแทนที่จะไถ่โคกระบือ คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า
๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?
ขอให้คิดว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน
๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
มีลูกค้าจู้จี้ยังดีกว่าวันทั้งวันไม่มีใครแวะเวียน ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน ลูกค้าจู้จี้ได้ แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ
๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?
(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง
๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?
(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่า จงเป็นผู้ตื่น
(๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้ คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง
๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?
(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?
(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่ โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอ ดภัย
(๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน
๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?
ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน
๒๐. ทำไมมักเจอสิ่งที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?
ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์ ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

>>>กินเจ ตั้งใจงดเนื้อสัตว์ น้อมนำสิ่งดี...ชีวีมีสุข<<<

เมื่อย่างเข้าสู่เดือน 9 ทีไร ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเรามักจะเห็นร้านอาหารปักธงสีเหลืองเต็มไปหมด เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ทำให้รู้ว่า เข้าสู่ “เทศกาลกินเจ” แล้ว
บรรยากาศเทศกาลกินเจของเมืองไทยมีความคึกคักเหมือนเช่นทุกปี ปัจจุบันหนุ่มสาวยุคใหม่นิยมหันมากินเจกันมากขึ้น อาจจะมาจากกระแสรักสุขภาพฟีเวอร์ เพราะการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิดและหันมาบริโภคผัก ผลไม้จะช่วยชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย หรือที่คนยุคนี้เรียกว่า การล้างพิษ ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

จิตรา ก่อนันทเกียรติ ผู้ศึกษาเรื่องราวของชาวจีนมาอย่างยาวนาน เล่าถึงการกินเจให้ฟังว่า กำเนิดของเทศกาลกินเจมีหลายตำนาน ถ้าเอาตำนานที่ไม่ค่อยมีคนเล่ามาก่อนมีอยู่ว่า ทุกวันนี้ประเทศจีนมีอยู่ 3 ลัทธิ คือ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และพระพุทธศาสนา ในส่วนของพระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศจีน เมื่อ พ.ศ. 610 แต่ลัทธิเต๋ามีมาก่อน หน้านี้ เป็นร้อย ๆ ปีแล้ว โดยในลัทธิเต๋าจะมีนักพรต ที่อยากเป็นเซียน คือ อยากเป็นอมตะ ในการเป็นอมตะนักพรตมองว่า คือการขึ้น เขา เข้าป่า ไปอยู่ในอากาศอันบริสุทธิ์ ไปอยู่ในที่สมณะและปฏิบัติธรรม

พูดถึงการปฏิบัติธรรม การกินเจจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย โดยการกินเจตามลัทธิเต๋า เรียกว่า ลักกึงเช็งเจ๋ง โดย ลัก แปลว่า 6 คำว่า กึง เช็ง เจ๋ง แปลว่า ทวารทั้ง 6 บริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึง ทวารทางตา ให้ใส่ชุดขาว ไม่ดูอะไรที่ฉูดฉาดบาดตา ทวารทางหู คือ ฟังธรรมะ ฟังแต่สิ่งดี ๆ ไม่ ฟังคำพูดนินทาว่าร้ายผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องงดดูละคร ด้วย ส่วน ทวารทางจมูก ไม่สูดกลิ่นหอม ไม่ใช้น้ำหอมและงดกินผักกลิ่นฉุนทั้ง 5 ทวารทางปาก คือ กินอาหารที่สะอาด ไม่กินเนื้อสัตว์ ทวารทางกาย คือ ไม่มีเพศสัมพันธ์กันในช่วงนี้ เป็นช่วงพักร่างกาย เพราะไม่ได้กินอาหารที่มีพลังงานสูง สุดท้าย ทวารทางใจ คือ คิดดี ปฏิบัติดี ไม่นินทาว่าร้ายผู้อื่น


“สิ่งที่ต้องระวังในการกินเจ ให้สังเกตดูว่า เมื่อกินเนื้อสัตว์แล้วถ่าย กับวันแรกที่เริ่มกินเจ กินผัก แล้วถ่าย 2 วันที่ถ่ายนั้นไม่ควรเหมือนกัน เพราะการกินเนื้อสัตว์อุจจาระจะเหนียวแต่การกินผักมาก ๆ อุจจาระจะไม่เกาะตัว จะมีลักษณะนิ่ม การขับถ่ายจะง่ายกว่า ถ้ากินเจแล้วระบบการขับถ่ายยังไม่ดี ต้องหวนกลับมาทบทวนว่า มีความผิดพลาดเกิดขึ้นที่ตรงไหน เพราะโดยส่วนตัว ที่กินเจเพื่อให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น จะได้มีสุขภาพที่ดี จึงต้องกลับมาดูว่า นอนน้อยไปหรือไม่ เพราะการนอนน้อยจะทำให้ตัวร้อนท้องผูกได้ แต่ถ้าไม่ได้นอนน้อย ต้องคิดย้อนไปว่ามื้อเมื่อวานที่กินเข้าไปมีแป้งหรือของทอดมากเกินไปหรือไม่ เพราะแป้งและน้ำมันจะทำให้อุจจาระเหนียว”

เทศกาลกินเจ ถ้าคิดในระบบไมโคร คนที่กินเจอย่างถูกหลักก็จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของตนเอง แต่หากมองในแง่ของแม็คโคร ในเชิงเศรษฐกิจและประเทศชาติ เวลามีเทศกาลต่าง ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งเทศกาลกินเจจะทำ ให้เงินสะพัดมากขึ้น มีการคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ขึ้นมา ทั้งไทย จีน ฝรั่ง มีความหลากหลายในการเลือกกินมากขึ้น แล้วจะทำให้ 10 วัน ผ่านไปไวเหมือนโกหก

“ไม่ว่าจะเป็นคนที่เริ่มกินเจหรือคนที่กินเจอยู่แล้วทุกปี ให้มองดูว่า การกินเจของเรานั้นเป็นประโยชน์เพียงพอหรือยัง ถ้ากินทั้ง ๆ ที่ยังนินทาผู้อื่นอยู่ ก็เท่ากับว่ามีของดีแต่ยังใช้ไม่เป็นประโยชน์ หรือกินแล้วทำไมอ้วนขึ้น รวมทั้งกินเจแล้วก็ยังถ่ายยาก ท้องผูกอยู่ ต้อง กลับมาทบทวนอาหารที่เรากินเข้าไป เพราะยังมีอาหารจีนดั้งเดิมอยู่หลายเมนูที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือมีแป้งมากเกินไป ทำให้ต้องเลือกบริโภคให้แต่ละมื้อได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย เช่น มื้อเช้าหนักแป้งแล้ว มื้อต่อมาไม่ควรเป็นแป้งหรือมีน้อยลง”

จิตรา ให้แง่คิดทิ้งท้ายว่า “การกินเจไม่เพียงล้างพิษทางกายอย่างเดียวแต่ควรล้างพิษทางใจด้วย อย่าลืมกินเจให้ใจด้วย ทบทวน ดูว่าที่ผ่านมาเรากินเจแล้วถือศีลทางใจด้วยหรือไม่ ยังนินทาคนอื่น ยังโลภ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี ยังอยากมี อยากได้ ไม่เผื่อแผ่คนอื่นอยู่หรือไม่ เทศกาลกินเจจึงเป็นจังหวะหนึ่งให้ได้หวนคิดในสิ่งที่ถูกที่ควร ซึ่งเป็นการเริ่มต้นในการทำสิ่งดี ๆ ต่อ ๆ ไปในชีวิต แต่ไม่ใช่ทำแค่ในช่วงนี้เทศกาลนี้เท่านั้น” แล้วจะมีความสุข ทั้งทางร่างกายและจิตใจในช่วงเทศกาลเจ.

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2552

>>>บาร์โค้ด<<<


บาร์โค้ด (barcode) เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่ได้ผลดี ในการตรวจสอบสินค้าขณะขาย, การตรวจสอบยอดการขาย และสินค้าคงคลัง เราสามารถที่จะอ่านรหัสบาร์โค้ดได้ โดยใช้สแกนเนอร์หรือเครื่องอ่านบาร์โค้ด ซึ่งวิธีนี้จะรวดเร็วกว่าการป้อนข้อมูลเข้าเครื่องคอมพิวเตอร์หรือการอ่านด้วยสายตา บางครั้งเราจะเห็นเครื่องเหล่านี้ในสถานที่ต่างๆ ซึ่งบางที่เราก็อาจจะคาดไม่ถึง ว่าจะนำไปใช้ได้
แต่เดิมมีการใช้บาร์โค้ดในร้านขายของชำและตามปกหนังสือ ต่อมาพบในร้านอุปกรณ์ประกอบรถยนต์และร้านอุปโภคบริโภคทั่วไป ในแถบยุโรป รถบรรทุกทุกคัน ที่จะต้องวิ่งระหว่างประเทศฝรั่งเศสและประเทศเยอรมนี จะต้องใช้แถบรหัสบาร์โค้ดที่หน้าต่างทุกคัน เพื่อใช้ในการแสดงใบขับขี่ ใบอนุญาต และน้ำหนักรถบรรทุก แก่เจ้าหน้าที่ศุลกากรสามารถตรวจได้ง่ายและรวดเร็ว ในขณะที่รถลดความเร็ว เครื่องตรวจจะอ่านข้อมูลจากบาร์โค้ด และแสดงข้อมูลบนเครื่องคอมพิวเตอร์ทันที


ปัจจุบันได้มีการนำบาร์โค้ด 2 มิติมาใช้งาน สำหรับข้อมูลที่มีจำนวนมาก รวมถึงการนำเทคโนโลยีRFID ซึ่งเป็นการตรวจสอบข้อมูลผ่านทางคลื่นวิทยุ แทนที่เลเซอร์ เหมือนบาร์โค้ดในปัจจุบัน

วันพุธที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2552

>>>ของเล่นกับวิทยาศาสตร์ ทำไมเครื่องบินกระดาษจึงบินได้ <<<

เห็นข่าวเพื่อนคนเก่งของเรา ด.ช.หม่อง ทองดี ออกเดินทางไปแข่งเครื่องบินพับกระดาษ ที่ประเทศญี่ปุ่น น้องๆ สงสัยไหมว่าเจ้าเครื่องบินกระดาษนั้นใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์อะไรในการร่อนไปมาในท้องฟ้า ทั้งที่เป็นกระดาษแผ่นเดียว

อาจารย์ราม ติวารี นักวิชาการสาขาฟิสิกส์ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) เล่าถึงหลักการทรงตัวของเครื่องบินกระดาษว่า ต้องอธิบายการลอยของกระดาษ 1 แผ่นก่อน เมื่อเราปล่อยกระดาษจากที่สูงในแนวราบ กระดาษจะร่อนและลดระดับไปเรื่อยๆ สิ่งที่ทำให้เคลื่อนที่คือน้ำหนัก แรงดึงคือน้ำหนัก แรงที่ทำให้ลอยคือแรงต้านของอากาศ
และเมื่อนำกระดาษมาวางบนมือแล้วพุ่งไปข้างหน้า กระดาษจะเคลื่อนที่ไปในระยะสั้นมากและไม่มีทิศทาง ก่อนจะหล่นลงมาภายใต้เงื่อนไข คือแรงโน้มถ่วง แรงอากาศ และแรงผลักหรือแรงพุ่งไปข้างหน้า
เมื่อเรานำกระดาษเอ 4 โค้งเป็นตัวยูทั้งหัวและท้าย โดยไม่มีรอยพับ จับกระดาษทั้ง 2 ข้างพุ่งไปข้างหน้า แผ่นกระดาษจะมีแรงต้านลดลง และพุ่งไประยะทางเพิ่มขึ้น แต่ทิศทางไม่แน่นอนเหมือนกัน แต่เมื่อทำรูปแบบเดิมคือทำให้กระดาษโค้ง แต่กรีดเป็นรอยพับแนวยาวแล้ว พุ่งไป จะไปได้ไกลขึ้น ขณะที่กระ ดาษกางออกจะไม่เป็นแผ่นแต่จะเป็นรูปตัววี ซึ่งเป็นเชฟหรือรูปแบบที่เคลื่อนที่ในอากาศได้ง่าย
อาจารย์รามบอกว่า การพับเครื่องบินไม่ว่าจะเทคนิคอะไร ตัววีเหมือนจรวด มีหัว มีปีกลู่ไปด้านหลังแล้วพุ่งไปด้านหน้า แรงที่กระทำจะเหมือนเดิม แต่แรงแหวกอากาศจะดีกว่า หลักการนี้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์น้ำอย่างปลาหรือเครื่องบิน สิ่งใดๆ ก็ตามที่เคลื่อนผ่านของไหล (ของเหลว ก๊าซหรืออากาศ) จะเคลื่อนที่ได้ไกลแม้จะมีแรงต้านหรือแรงพุ่ง
การที่เครื่องบินกระดาษร่อนอยู่ในอากาศได้ยาวนานนั้น ไม่ว่าจะพับรูปแบบไหนผู้ร่อนต้องสังเกตขณะร่อน ทฤษฎีหนึ่งที่เข้ามาเกี่ยวข้องคือ ทฤษฎีจุดศูนย์ถ่วงหรือจุดรวมน้ำหนัก ถ้าหาจุดศูนย์ถ่วงได้หัวจะไม่ปักพื้น นอกจากนี้เมื่อร่อนแล้วต้องสังเกตว่าถอยหลังหรือไม่ ถ้าถอยหลังแสดงว่าจุดศูนย์ถ่วงค่อนไปด้านหลังมากเกินไป ต้องปรับให้ได้ตำแหน่งที่พอเหมาะ
วิธีการปล่อยเครื่องร่อนในมุมต่างๆ รวมถึงท่าทางการขว้าง หากเป็น การเล่นกอล์ฟจะเรียกว่ามีท่าสะวิง ซึ่งน้องหม่องเขามีวงสะวิงของเขาเอง วงสะวิงเป็นตัวสำคัญทำให้เครื่องร่อนโค้งในอากาศ ไม่มีแรงอื่นมากระทำ คือแรงน้ำหนักกับแรงต้านอากาศ
ท่าส่งของผู้เล่นบวกกับมุมเงยมุมต่ำผสมกันทำให้เครื่องร่อนที่ปล่อยออกจากมือเคลื่อนที่ไปในอากาศได้นานที่สุด การควบคุมเครื่องบินกระดาษได้ดีต้องอยู่ในสถานที่ที่อากาศไม่เคลื่อนที่ ดังนั้นเวลาแข่งขันต้องอยู่ในห้องปิด ไม่เช่นนั้นจะบังคับทิศทางไม่ได้ จะไปตามแรงลม น้องหม่องทดลองในห้องปิด ไม่ใช่กลางแจ้ง เพราะถ้ามีลมแล้วจะควบคุมไม่ได้
น้องๆ บางคนอาจรู้จัก "หางเสือ" หางเสือเครื่องบินหรือหางเสือเรือมีไว้เพื่ออะไร
อาจารย์รามให้ความรู้ว่าการติดหางเสือในรูปแบบต่างๆ เป็นการบังคับทิศทางให้เลี้ยวได้ เป็นการเคลื่อนที่ผ่านของไหล อย่างเช่นหางเสือของเรือ ขณะที่เครื่องร่อน การติดหางเสือมีผลต่อการเลี้ยวผ่านของไหลคืออากาศ
ส่วนหัวเครื่องบิน ที่เรามักพับให้เป็นแหลมๆ รูปตัววีจะช่วยตัดลม ส่วนปีกใช้ในการประคองให้บินในแนวระนาบนานที่สุด คือกินลมได้นานที่สุด ซึ่งต้องทดลองดู เพราะไม่มีรูปแบบตายตัว การเล่นเครื่องร่อนเป็นศาสตร์ที่ต้องทดลองด้วยตัวเอง
ด้าน นายประเสริฐ เฉลิมการนนท์ หัวหน้าโครงการสร้างความตระหนักและแนวคิดเชิงวิทยาศาสตร์ด้วยกิจกรรมเครื่องบินกระดาษ ศูนย์เอ็มเทค แนะนำเทคนิคการพับเครื่องบินกระดาษให้ร่อนในอากาศได้ยาวนานว่า อย่าทำให้กระดาษยับเพราะจะทำให้อากาศที่ผ่านเครื่องบินแปรปรวน ซึ่งจะมีผลต่อการอยู่ในอากาศของเครื่องบิน นอกจากนี้ผู้พับอาจต้องทดลองร่อนเครื่องบินเพื่อศึกษาดูว่ามีข้อบกพร่องตรงไหน ซึ่งช่วยให้เรียนรู้กระบวนการทางวิทยา ศาสตร์อย่างเป็นขั้นตอนด้วย
อาจารย์รามแนะนำคุณพ่อคุณแม่ต่อยอดการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ให้ลูกๆ ผ่านของเล่นด้วยว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นการจุดประกายทางวิทยาศาสตร์ที่ไม่จำเป็นต้องมีทุน หรือราคา อย่างน้องหม่องเขาเรียนรู้จากการติดดินและพุ่งขึ้นฟ้าได้เหมือนเครื่องร่อนของเขา เขาเองก็ไม่ได้มีต้นทุนมาก แต่สังคมยังมองว่าของเล่นก็ยังเป็นของเล่น ทั้งที่การเล่นนั้นเป็นสื่อการเรียนการสอนธรรมชาติที่มีวิทยาศาสตร์ สาขาต่างๆ ซ่อนอยู่มาก เพราะของเล่นผลิตขึ้นมาพัฒนาความคิดตามอายุในการเรียนรู้ ธรรมชาติของเด็ก
"ของเล่นทุกชนิดมีวิทยาศาสตร์ซ่อนอยู่ แต่เล่นแล้วต้องมีคำถาม อย่างเด็กทั่วไปเล่นลูกข่าง แต่คำถามไม่เคยมีคือทำไมลูกข่างตั้งตรงได้เวลาหมุน มันดูเหมือนง่าย ทุกคนมองเห็นแต่ตอบยากหรืออย่างเหรียญบาทบางๆ หากเอาสันตั้งกับโต๊ะจะตั้งได้ยาก แต่ถ้าเรากลิ้งไป 100 ครั้ง ก็ไม่ล้ม 100 ครั้งจึงอยากจุดประกายให้เห็นว่า สิ่งที่เห็นนั้นเราอย่ามองผ่าน เพราะทุกอย่างมหัศจรรย์ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นในธรรมชาติหรือทำขึ้นเอง"

วันพุธที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2552

>>>ติว channel TV<<<

สำหรับวันเสาร์ ที่ 12 กันยายน 2552 นี้
ทาง tutor channel จะมีติว
GAT เชื่อมโยง กับ อาจารย์ปิง แห่งสถาบัน Da'vance
เวลา 10.00-11.00น.
และเวลา 11.00-12.00
มีติว ภาษาอังกฤษกับครูพี่แนน แห่งสถาบัน enconcept
ดาวน์โหลดเอากสารประกอบการสอนที่ http://www.etvthai.tv/download_list.php
ค่ะ ทุกคน สู้ๆ

วันจันทร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2552

>>>โจ๋ ซึมเศร้า-โตขึ้นจิตป่วย<<<

ผลการศึกษาในสหรัฐอเมริกาพบว่า วัยรุ่นที่มีอาการซึมเศร้าเล็กน้อย เมื่อชีวิตเข้าสู่วัยผู้ใหญ่จะเสี่ยงมีปัญหาทางจิตสูงกว่าคนทั่วไป
นักจิตวิทยามหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และสถาบันจิตวิทยานิวยอร์ก ศึกษาเก็บข้อมูลจากคน 750 คน โดยสัมภาษณ์ครั้งแรกขณะอายุ 14-16 ปี จากนั้นสัมภาษณ์อีกครั้งเมื่อเป็นผู้ใหญ่ พบว่า ร้อยละ 8 มีอาการซึมเศร้าเล็กน้อยขณะเป็นวัยรุ่น คือรู้สึกเศร้า เบื่อ มีปัญหาในการนอน และขาดสมาธิอยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ คนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 4 เท่า ที่จะซึมเศร้าหนักขึ้นเมื่อเข้าสู่ช่วงวัย 20 และ 30 ปี นอกจากนั้น ยังมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 2 เท่าครึ่ง ที่จะเป็นโรคกลัวการอยู่ในที่โล่ง วิตกกังวล ย้ำคิดย้ำทำ และความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 3 เท่า ที่จะเป็นโรคกลัวอ้วนถึงขั้นไม่ยอมรับประทานอาหาร (อะโนเร็กเซีย) หรือรับประทานมากแล้วทำให้ตนเองอาเจียนออกมา (บูลิเมีย)

อย่างไรก็ตาม นักวิจัยระบุว่า ต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อให้สามารถชี้ชัดว่า อาการซึมเศร้าเมื่อเป็นวัยรุ่นเป็นอาการเบื้องต้นของอาการซึมเศร้าหนัก หรือเป็นสาเหตุที่ทำให้ซึมเศร้าเมื่อเป็นผู้ใหญ่หรือไม่


ด้านองค์กร "ยังมายด์ส" กลุ่มให้คำปรึกษาทางอารมณ์และจิตใจแก่วัยรุ่นในอังกฤษให้ความเห็นว่า ผลการศึกษาดังกล่าวตอกย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการให้ความช่วยเหลือที่ถูกต้องแก่วัยรุ่นทันทีที่สัญญาณของปัญหาปรากฏ ดีกว่าปล่อยให้ปัญหาลุกลาม


>>>จัดฟันแฟชั่น ได้สวยไม่คุ้มเสีย?!!<<<

ปัจจุบัน การจัดฟันที่ เรานิยมทำกันไม่ใช่ เพื่อการรักษาฟันแล้ว แต่กลายเป็นการจัดฟันตามแฟชั่นที่เป็นกระแสฮิตมากในหมู่วัยรุ่น นำมาเป็นเครื่องประดับเพื่อเพิ่มความสวยงามกิ๊บเก๋โดยหารู้ไม่ว่า มีภัยร้ายแอบซ่อนอยู่มากมาย ล่าสุดได้เกิดเหตุสลดขึ้นกับน้องนักเรียนหญิงคนหนึ่งโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ใส่อุปกรณ์จัดฟันแฟชั่นในร้านที่ไม่ได้มาตiฐานจนติดเชื้อในกระแสเลือด และเสียชีวิตในที่สุด


โดยปกติแล้วการจัดฟันเป็นการรักษาทางการแพทย์อย่างหนึ่ง มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ฟันเรียงสวยเป็นระเบียบสร้างความมั่นใจและสามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทันตแพทย์ไพศาล กังวลกิจ เลขาธิการทันตแพทยสภา อธิบายและให้ข้อบ่งชี้สำหรับ ผู้ที่จำเป็นต้องจัดฟัน คือ ผู้ที่มีฟันเกหรือฟันซ้อนมาก เพราะทำความสะอาดฟันได้ยากมีผลทำให้ฟันผุและเหงือกอักเสบ ผู้ที่มี ฟันห่างมาก มีผลทำให้มองดูไม่สวยงาม เสียบุคลิกภาพและ ผู้ที่มีปัญหาการสบฟันที่ผิดปกติ เช่น ฟันบนหรือล่างยื่นทำให้การบดเคี้ยวอาหารไม่ละเอียดส่งผลต่อระบบการย่อยอาหาร จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดฟันเพื่อรักษาอาการดังกล่าว

แต่ขณะนี้พบว่ามีการใช้ลวดจัดฟันปลอมในกลุ่มวัยรุ่นเป็นแฟชั่นเพื่อความสวยเก๋และที่น่าเป็นห่วงคือสามารถหาซื้อได้ง่ายตามตลาดนัดหรือร้านค้าขายของแฟชั่นทั่วไปในราคาที่ถูกกว่าร้านจัดฟันจริงหลายเท่าตัว โดยมีการนำลวดเส้นเล็ก ๆ มาร้อยลูกปัดสีสันต่าง ๆ ตกแต่งให้สวยงามขายในราคาเส้นละ 50-120 บาทและหากต้องการให้ผู้ขายใส่ให้ราคาจะแพงขึ้นมาเล็กน้อยประมาณ 150-200 บาท ซึ่งผู้ขายจะใช้กาวทาที่เหล็กและติดที่ฟันให้ลูกค้าโดยผู้ที่ทำไม่มีความรู้ความชำนาญด้านทันตกรรมการจัดฟันแต่อย่างใด




“อุปกรณ์ที่ใช้ก็ไม่ได้มาตร ฐาน ไม่ใช่เครื่องมือแพทย์ เนื่องจากลวดสเตนเลสที่ใช้เป็น เครื่องมือแพทย์นั้นจะต้องเป็นเครื่องมือที่นำเข้าจากต่างประเทศเพราะในประเทศไทยไม่มีผลิตหรือจำหน่ายจึงมีราคาแพงแต่ปลอดภัยและรักษาได้ผลอย่างมี ประสิทธิภาพ ส่วนลวดจัดฟันแฟชั่นตามร้านค้าที่นำมาจำหน่ายเป็นลวดธรรมดาที่เมื่อใช้ไปแล้ว จะเป็นสนิมและสกปรก มีสารหนู สารตะกั่ว พลวง ซิลิเนียม โครเมียมและอื่น ๆ หากเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกาย เช่น ตับ ไตและเมื่อนานเข้าก็จะก่อให้เกิดเป็นโรคมะเร็ง”


นอกจากนี้ลวดหรือลูกปัดต่าง ๆ ที่อยู่ในปากซึ่งมีน้ำลาย หากทานอาหารจะทำให้พวกสารต่าง ๆ เหล่านี้ละลายไหลลงไปสู่กระเพาะอาหารและถ้ารับประทานของเปรี้ยว ๆ ก็จะยิ่งทำให้สารเหล่านี้ละลายมากขึ้น จึงไปสะสมมากมีโอกาสติดเชื้อในกระแสเลือดจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีจุดอ่อนเป็นโรคหัวใจเหมือนกรณีที่เกิดขึ้นกับน้องนักเรียน หญิงที่ตกเป็นเหยื่อและเสียชีวิต สำหรับผู้ที่ไม่มีโรคประจำตัวก็เกิดผลเสียในแบบเดียวกันได้แต่เป็น ในระยะยาว


ข้อสำคัญการใส่ลวดจัดฟันแฟชั่นมีผลเสียทำให้แปรงฟันลำบาก กักเก็บเศษอาหาร เกิดฟันผุ เหงือกอักเสบ ถ้าใส่นอนหรือใส่กินอาหารอาจหลุดเข้าลำคอทำให้เสียชีวิตได้ บางคนถูกลวดเกี่ยวกระพุ้งแก้มเป็นแผลและเกิดหนองทำให้ปากเหม็น อีกทั้งอาจทำให้ฟันที่เรียงสวยอยู่แล้วเกิดบิดเบี้ยว เกและห่างไปคนละทิศละทางเพราะเมื่อติดเหล็กที่ฟันแล้วจะทำให้รู้สึกเจ็บเนื่องจากฟันเคลื่อนที่ ซึ่งผู้ทำไม่มีความชำนาญและไม่ได้ทำตามขั้นตอนของแพทย์ที่ถูกต้อง จึงไม่สามารถติดเครื่องมือจัดฟันแบบบังคับทิศทางของฟันให้เคลื่อนที่ในตำแหน่งองศาที่ควรจะเป็นได้ ผลที่ได้รับจึงไม่คุ้มค่ากับความสวยงามที่แลกมาด้วยความเจ็บปวดและอาจถึงขั้นเสียชีวิตด้วยทางที่ดีอย่าไปใส่เลยถ้าไม่มีความจำเป็น







แฟชั่นรักสวยรักงามหากรู้จักตามอย่างมีสติและใช้ความคิด จะมีประโยชน์ ไม่ตกเทรนด์และปลอดภัย แต่หากละเลยที่จะคำนึงถึงความถูกต้องและความเสี่ยง เราอาจตกเป็นเหยื่อที่แลกความสวยเก๋ด้วยชีวิตก็เป็นได้.

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

>>>ข่าวดีสำหรับเพื่อนๆที่จะติว<<<

ข่าวดีสำหรับเพื่อนๆที่จะติว GAT PAT สามารถ รับการติวได้จากรายการทีวี
ช่อง 11 เก่า หรือ ASTV
ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00น - 12.00 น

วันเสาร์นี้ จะมีการติว GAT เชื่อมโยง
กับอาจารย์ปิง แห่งสถาบันกวดวิชา Da'vance


ใครสนใจก็อย่าพลาดชมนะจ๊ะ

โชคดีทุกๆคนค่ะ

วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2552

>>>ลดไขมันในร่างกายได้ด้วยน้ำ ..<<<



อาจเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่น้ำจะเป็นสิ่งสำคัญที่มีส่วนช่วยในการดูแลรูปร่าง แม้ว่าคนส่วนใหญ่จะต้องดื่มน้ำเพราะความจำเป็น แต่ในความเป็นจริง น้ำ เป็น "อาหารอันวิเศษ" ที่ช่วยในการดูแลรูปร่างอย่างถาวร

หากเราดื่มน้ำไม่เพียงพอ จะทำให้ไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ตับทำงานหนักขึ้น ซึ่งหน้าที่หลักของตับก็คือ ช่วยเร่งการเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายให้เกิดเป็นพลังงาน แต่ตับต้องมาทำหน้าที่ของไต ทำให้มันไม่สามารถทำหน้าที่หลักได้อย่างเต็มที่ ด้วยเหตุนี้เอง ทำให้เกิดการเผาผลาญไขมันได้น้อยลง และเพิ่มการสะสมไขมันในร่างกายมากขึ้น

วิธีที่จะหลีกเลี่ยงปัญหาการขาดน้ำในร่างกาย ก็คือเราจะต้องดื่มน้ำในปริมาณมากเพื่อที่ร่างกายจะมีน้ำไว้ใช้ ยามขาดแคลน คนที่มีน้ำหนักมาก และคนตัวใหญ่ จะต้องการน้ำมากกว่าคนผอม เพราะมีการเผาผลาญที่มากกว่า น้ำจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีน้ำหนักมาก เพราะน้ำเป็นตัวสำคัญที่ช่วยในการเผาผลาญไขมัน นอกจากนี้ น้ำยังช่วยทำให้ผิวพรรณของเรามีความชุ่มชื้น เปล่งปลั่งสดใส และยังทำให้ผิวหนังไม่เหี่ยวหลังการลดน้ำหนักอีกด้วย

อยากรูปร่างดี ผิวพรรณสดใส ต้องดื่มน้ำวันละ 8 แก้ว อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีน้ำหนักเกินควรดื่มน้ำเพิ่มมากขึ้นอีก และจะต้องเพิ่มขึ้นอีกหากคนๆ นั้น ชอบออกกำลังกาย หรืออยู่ในที่ๆมีอาการร้อน หรือแห้ง ที่สำคัญดื่มน้ำมากอย่างไรก็ไม่อ้วน เพราะน้ำให้ 0 แคลอรี่นั่นเอง

วันพฤหัสบดีที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2552

>>>รถไฟไทย <<<

ที่เขาเรียกว่า "รถไฟ" เพราะว่า ใช้หัวรถจักรไอน้ำ ใช้พลังไอน้ำเป็นพลังงานขับเคลื่อน พาตัวเองและลูกขบวน อันยาวเหยียด และมีน้ำหนักมากเดินทางไปบนรางเหล็กคู่ขนาด ตั้งแต่เหนือจรดใต้ มาหลายชั่วอายุคน.....
สายแรกของประเทศสยาม บางกอก-ปากน้ำ บ้านคุณมดดำ
แบบล้อ 0-4-0 ผู้ผลิต บริษัท KYOSAN KOGYO JAPAN เริ่มใช้ ปี พ.ศ. 2493 ใช้ในแขวงการทางนครราชสีมา เลิกใช้ ปี พ.ศ. 2508 ปัจจุบัน ตั้งอยู่ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟ ชมรมเรารักรถไฟ หลังสวนจตุจักร
หัวรถจักไอน้ำ ถ่ายที่สวนสาธารณะ ร. 5 สถานีรถไฟทุ่งสง แบบล้อ 4-6-2 ใช้ในทางขนาดกว้าง 1 เมตร ปีที่นำมาใช้ พ.ศ. 2472 ขึ้นบัญชีทรัพย์สินเมื่อ ปี พ.ศ. 2492 ราคา 332,800 บาท เริ่มใช้งานตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2499 - 2510 ใช้งานในสายใต้ตลอด เลิกใช้งานเมื่อ วันที่ 30 พ.ค. 2510
รถจักรไอน้ำ เท็น วิลเลอร์ (Ten Wheeler) รุ่นเลขที่ 177 สร้างโดย บริษัท นอร์ท บริติช โลโคโมทีฟ ไฮด์ปาร์ค แห่งประเทศอังกฤษ แบบล้อ 4-6-0 ชั้น E ขนาดราง 1 เมตร การรถไฟนำมาใช้เมื่อปี พ.ศ.2458 เลิกใช้เมื่อ 13 กันยายน พ.ศ. 2510 ปัจจุบันตั้งเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ สถานีชุมทางบ้านภาชี
รถจักรไอน้ำ มิกาโด (Mikado) รุ่นเลขที่ 943 สร้างโดย บริษัท มิตซูบิชิ แห่งประเทศญี่ปุ่น แบบล้อ 2-8-2 ราคา 976,000 บาท การรถไฟนำมาใช้ระหว่างปี พ.ศ.2493 - 2522 ปัจจุบันตั้งเป็นอนุสรณ์อยู่ที่ สวนวชิรเบญจทัศ กรุงเทพฯ

วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2552

>>>สาเหตุที่ทำให้ ผมร่วง <<<



สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงมีอะไรบ้าง และมีวิธีการแก้ไขอย่างไรมาดูกันเลยค่ะ

พฤติกรรมการดูแลเส้นผม เช่น ใช้แชมพูที่เป็นด่างแก่ ใช้แชมพูที่มีส่วนผสมของน้ำหอม สารบำรุงผม สารเคมี ฯลฯ ที่วุ่นวายมากเกินไป จนระคายเคืองกับหนังศีรษะ การดัด การย้อม โกรก ยืด การเป่าผมทุกวัน ฯลฯ วิธีแก้ปัญหานี้ให้หยุดสระผมด้วยแชมพูสักพัก ใช้มะกรูด 1 ลูก ผ่าครึ่งต้มกับน้ำ แล้วเติมรำข้าวลงไป 2 ช้อนโต๊ะ แล้วเอาน้ำเติมลงไปให้มีปริมาณมากพอ ใช้สระผม แล้วหมักไว้นาน 5-10 นาที ก่อนสระออกด้วยน้ำธรรมดา วิธีนี้จะทำให้เส้นผมสะอาด และชั้นขี้ผึ้งไม่ถูกล้างออกไป สระเพียงสัปดาห์ละครั้งก็พอ

ฮอร์โมน เช่น คนวัยกลางคนโดยเฉพาะผู้ชาย อาจจะเป็นผลมาจากฮอร์โมนเพศชายที่มีมากเกินไป ส่วนมากเป็นกรรมพันธุ์

การที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงหนังศีรษะน้อย ทำให้หนังศีรษะตึงและแข็ง เมื่อเส้นผมมีเลือดไปเลี้ยงไม่พอ รากผมจะค่อยๆ ตายและหลุดออกมา หากไม่อยากผมร่วงก็คงต้องช่วยนวดหนังศีรษะทุกวัน เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดโดยใช้นิ้วมือขยี้ให้ทั่วหนังศีรษะแบบเดียวกับการสระผม (แต่อย่าเกา) ทำเช่นนี้วันละครั้ง การแปรงผมโดยใช้แปรงซี่ห่างมาก ที่มีขนแปรงเป็นตุ่มไม้นวดศีรษะก็ได้ หรือจะใช้น้ำฝักบัวอุ่นจัดๆ ราดหนังศีรษะสลับกับการชโลมด้วยน้ำเย็นสัก 3 รอบทุกวันก็ได้ แต่มีเคล็ดอยู่ว่าต้องปล่อยให้แห้งโดยธรรมชาติ อย่าเป่าผม

สภาวะการขาดเบต้าแคโรทีน วิตามินอี วิตามินบี โดยเฉพาะบี 6 กรดโฟลิก ไบโอติน PABA ก็ทำให้ผมร่วงได้ ดังนั้นการปรับเปลี่ยนอาหารจึงสำคัญกับสุขภาพของเส้นผมเช่นกัน อาหารที่แนะนำได้แก่ ข้าวกล้อง ผักใบเขียว ผลไม้สีเหลือง แดง อาหารทะเล สาหร่ายทะเล เมล็ดธัญพืชที่ไม่ขัดขาว โดยเฉพาะเมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง จมูกข้าวสาลี และถั่วงอกทุกประเภท

และสาเหตุที่พบบ่อยซึ่งทำให้ผมร่วงได้เป็นกำๆ ก็คือความเครียด ดังนั้นใครเครียดให้หาทางคลายเครียดเสียด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ นอกจากจะคลายเครียดแล้ว การออกกำลังกายยังทำให้เลือดฉีดแรงขึ้น เป็นการกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดไปยังหนังศีรษะอีกด้วย ทั้งหมดนี้ทำไปพร้อมๆ กัน สักเดือนหนึ่งคุณจะเห็นผลอย่างชัดเจน

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

>>>8 วิธี เพิ่มอายุยืนยาวขึ้น 8 ปี<<<



คนเราอยากมีอายุยืนยาวด้วยกันทั้งนั้น ผมเองก็อยากอยู่กับครอบครัวและคนที่ผมรักไปนานๆ แล้วทำยังไงถึงจะมีชีวิตยืนยาว และมีคุณภาพที่ดีผมมีวิธีมาบอก

1. อายุยืนยาวขึ้น 1 ปี ด้วยการกินดาร์กช็อกโกแลต


การวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา บอกว่าถ้าเรากินดาร์กช็อกโกแลตบ่อยๆ หรืออย่างน้อยเดือนละ 3 ครั้ง อาจจะช่วยให้ชีวิตยืนยาวขึ้นได้อีก 1 ปีเลย เพราะว่าในดาร์กช็อกโกแลต มีสารฟลาโวนอยด์ที่ช่วยทำให้เลือดไม่ข้นหนืดจนเกินไป เลือดเลยไหลได้สะดวก ไม่ไปติดหรือกระแทกหลอดเลือดมาก จึงไม่เกิดโรคเกี่ยวกับหลอดเลือด เส้นเลือดก็ไม่อุดตัน


2. อายุยืนยาวขึ้น 2 ปี ด้วยเพศสัมพันธ์ที่ดี


มีเพศสัมพันธ์บ่อยๆ แล้วดีครับ ช่วยเพิ่มอายุได้ถึง 2 ปีเลยทีเดียว มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย บอกว่าเป็นเพราะมันจะมีสารที่หลั่งออกมาหลังจากที่เราถึงจุดสุดยอด ที่ทำให้คลายเครียดได้ดีมาก และจะทำให้เรารู้สึกสบายตัว ร่างกายและหัวใจเราก็ดีขึ้น ฮอร์โมนคอร์ติโซนก็จะหลั่งออกมาน้อย ผมเคยอ่านงานวิจัยอีกอันที่เขาศึกษากับคนออสเตรเลีย 2,338 คน บอกว่าการที่ผู้ชายมีเพศสัมพันธ์หรือช่วยตัวเองสัปดาห์ละ 10 ครั้ง สามารถลดอัตราการเกิดมะเร็งต่อมลูกหมากได้ถึง 33 เปอร์เซ็นต์


3. อายุยืนยาวขึ้น 3 ปี ด้วยการกินถั่ว


อย่างน้อยสัปดาห์ละ 5 วัน มหาวิทยาลัยโลม่าลินดาที่แคลิฟอร์เนีย วิจัยพบว่าในถั่วจะมีไขมันโอเมก้า3 สารต้านอนุมูลอิสระ ใยอาหารเยอะไขมันอิ่มตัวน้อย แคลอรีน้อยทำให้ร่างกายแข็งแรง โดยเฉพาะกับหัวใจ แต่ต้องเลือกแบบไม่มีเกลือนะครับ


4. อายุยืนยาวขึ้น 4 ปี ด้วยการดื่มไวน์


นักวิทยาศาสตร์ชาวดัชช์ ให้ดื่มไวน์วันละครึ่งแก้วจะทำให้ชีวิตเรายืนยาวได้ถึง 4 ปี เพราะในไวน์จะมีสารโพลิฟิโนลิคคอมพาวน์ส (polyphenolic compounds) ซึ่งสารนี้จะทำให้เลือดเราไม่มีการเติบโตของไขมัน พอเยื่อไขมันไม่สามารถเติบโตได้ เส้นเลือดเราจะสะอาดใสอยู่ตลอดเวลา ไม่มีตะกอนตกค้างหรือมีไขมันมาเกาะผนังหลอดเลือด


5. อายุยืนยาวขึ้น 5 ปี ด้วยการเล่นกอล์ฟ


อาจจะมีหลายคนที่เล่นกอล์ฟกันอยู่แล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าทำไมเล่นกอล์ฟแล้วทำให้อายุเรายืนยาวขึ้นได้ นั่นเพราะการเล่นกอล์ฟทำให้เราเดินครับ เล่นกอล์ฟ 18 หลุม จะทำให้เราต้องเดินถึง 6-10 กม. เลยครับ แล้วการเดินทำให้ร่างกายเราเผาผลาญแคลอรีได้ดี เป็นการออกกำลังกายแบบ Low intensity คือการออกกำลังกายแบบไม่หนัก แต่หัวใจเต้นเร็วและใช้ออกซิเจนเยอะมาก ซึ่งจะทำให้ร่างกายเราแข็งแรง แล้วการตีกอล์ฟทำให้เราไม่เบื่อที่จะออกกำลังกายด้วย


6. อายุยืนยาวขึ้น 6 ปี ด้วยการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ


กินทุกๆ มื้อเลยนะครับ ให้เรื่องการกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพเป็นชีวิตประจำวัน ไม่ใช่วันนี้พิเศษ ฉันจะไปกินอาหารเพื่อสุขภาพ นานๆ กินทีแบบนั้นไม่ดีแน่ๆ แล้วมีการวิจัยจากฮอลแลนด์บอกว่า กินปลา เนื้อไม่ติดมัน น้ำมันมะกอก กระเทียม คาร์โบไฮเดรตที่ดีอย่างข้าวกล้อง ข้าวโอ๊ต เป็นประจำจะทำให้ไขมันในเลือดน้อยลง สุขภาพร่างกายดีขึ้น โรคมะเร็งกับเบาหวานก็จะเกิดได้ยากขึ้น แล้วถ้าไม่รู้ว่ามีอาหารอะไรอีกที่ดีต่อสุขภาพ ก็ดูจากสุขภาพดีนี้ก็ได้หาง่าย ไม่แพงด้วย


7. อายุยืนยาวขึ้น 7 ปี ด้วยการควบคุมน้ำหนัก


นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด ศึกษาพบว่า ถ้าคุณสามารถควบคุมน้ำหนักให้อยู่ตามเกณฑ์มาตรฐานได้โดยตลอด คุณอาจจะเพิ่มชีวิตได้ถึง 7 ปีเลย หรือหากตอนนี้ ใครกำลังน้ำหนักตัวเกินอยู่ก็รีบลดเลยครับ เพราะปล่อยให้น้ำหนักมากๆ ไม่ดี กระดูกและไขข้อต้องรับน้ำหนักเยอะมากก็จะมีปัญหาได้ แล้วก็เสี่ยงกับการเกิดโรคหลายโรคด้วย แต่ที่ต้องระวังด้วยคืออย่าดูแค่ตัวเลขของน้ำหนักเท่านั้น ให้ดูไขมันด้วย เพราะคนผอมหลายคนเหมือนกันที่น้ำหนักน้อยแต่ไขมันเยอะ นั่นก็สุขภาพไม่ดีได้ง่ายเหมือนกัน


8. อายุยืนยาวขึ้น 8 ปี ด้วยการหัวเราะบ่อยๆ


การที่เราหัวเราะ ฮอร์โมนคอร์ติโซน ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพจะหลั่งน้อยลง ทำให้เรามีความสุข ผ่อนคลายไม่เครียด เพราะสารเคมีที่ไม่ดีในร่างกายจะไม่หลั่งออกมาเลย แล้วจะมีสารเคมีดี เช่น เอ็นโดรฟิน อะดรีนาลีน หลั่งออกมาแทน ก็พยายามดูหนังตลก อยู่กับเพื่อนให้เยอะๆ นะครับ จะได้หัวเราะ แค่คุณหัวเราะวันละ 15 นาที อาจจะทำให้คุณมีอายุยืนยาวขึ้นอีก 8 ปีเลยนะครับ


วันอังคารที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

>>>ดื่มน้ำแก้โรคหวัด <<<

โรคหวัด เป็นโรคที่ไม่ร้ายแรง แต่ก็ทำให้ร่างกายสูญเสียพลังงาน จนทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย รู้สึกไม่สบายเนื้อสบายตัว แนะนำว่าควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพราะน้ำจะช่วยให้หายจากโรคหวัดได้

ดื่มน้ำอุ่น ช่วยละลายเสมหะในลำคอ


ดื่มน้ำเยอะ ๆ จะช่วยลดไข้ และทำให้ร่างกายเย็นลง


ดื่มน้ำช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นแก่ร่างกาย ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดี


ดื่มน้ำช่วยลดอาการติดเชื้อ และอักเสบ


ดื่มน้ำช่วยขจัดสารพิษออกจากร่างกาย ทำให้ฟื้นไข้เร็วขึ้น


สำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคหวัด และอยากจะดื่มเครื่องดื่มที่มีรสชาติ แนะนำว่าควรจะเป็น น้ำผลไม้ เช่น น้ำส้ม น้ำฝรั่ง น้ำมะเขือเทศ น้ำองุ่น น้ำสัปปะรด เพราะมีวิตามินซีสูงจะช่วยให้อาการโรคหวัดดีขึ้น


ใครที่อยากหายจากอาการโรคหวัดเร็ว ๆ ลองนำวิธีที่แนะนำไปใช้กันดูได้.

วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

>>>สมุนไพรช่วยลดความดัน <<<


ทราบหรือไม่ว่า สมุนไพรพื้นบ้านก็สามารถช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีมาบอก...

- กระเทียม ซอยกระเทียมสดประมาณครึ่งช้อนชา กินพร้อมอาหารวันละ 2-3 ครั้งหรือจะใช้วิธีเคี้ยวกระเทียมสด ๆ ก็ได้ อย่ากินตอนท้องว่าง เพราะฤทธิ์ร้อนของกระเทียมจะทำให้แสบกระเพาะได้

- ขึ้นฉ่าย เลือกต้นสดมาตำ คั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือใช้ต้นสด 1-2 กำมือ ตำให้ละเอียดต้มกับน้ำ แล้วกรองเอากากออก ใช้รับประทานครั้งละ 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนอาหาร หรือกินเป็นผักสดผสมในอาหารก็ได้

- กาฝากมะม่วง ใช้กาฝากของต้นมะม่วง นำมาตากแห้งต้มน้ำดื่มต่างน้ำชาหรือตากแห้งคั่วแล้วชงดื่ม ในบางท้องถิ่นให้ใช้กาฝากสดนำใบและกิ่ง 1 กำมือ ต้มกับน้ำ แล้วนำมาดื่ม

- กระเจี๊ยบแดง ใช้กลีบเลี้ยงแห้ง ต้มน้ำหรือชงน้ำร้อนกินเป็นชากระเจี๊ยบ ช่วยลดความดันโลหิต ลดคอเลสเตอรอลได้ แก้นิ่ว และลดไข้

- บัวบก ในตำรายาไทยทั่วไปใช้เป็นยาบำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย ขับปัสสาวะ แก้ร้อนใน แต่มีตำรายาพื้นบ้านที่นำมาใช้ลดความดันโลหิตสูง โดยใช้ต้นสด 1 หรือ 2 กำมือ ต้มกับน้ำ แล้วนำมาดื่ม

ยังมีสมุนไพรอื่น ๆ ที่ใช้ปรุงอาหารเป็นประจำและมีสรรพคุณช่วยลดความดันได้ เช่น ขิง ขี้เหล็ก ผักชี ผักชีฝรั่ง มะขาม แมงลัก เป็นต้น

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากให้ความดันโลหิตสูงลดลง ลองหาสมุนไพรที่แนะนำมาทานกันได้

วันเสาร์ที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

>>>'SMS' ดูดเงิน!! หลุมพรางผู้บริโภค <<<


นี้หากไม่อยากตกยุคต้อง “ไร้สาย” ไม่รู้เพราะความเร่งรีบแห่งยุคสมัยผลักสิ่งต่าง ๆ ที่ “มีสาย” ให้ตกยุคหรือไม่...? ดูอย่างสาวรุ่นจากนิยมใส่ “สายเดี่ยว” กลายเป็น “เกาะอก” แม้แต่อินเทอร์เน็ตก็ยังไร้สาย เช่นเดียวกับ “โทรศัพท์มือถือ” ซึ่งเขี่ยโทรศัพท์สาธารณะตกกระป๋อง!!
มือถือเข้ามามีบทบาทในชีวิตของคนไทยตั้งแต่ “รากหญ้า” ถึง “ยอดหญ้า” ขณะที่ผู้ให้บริการต่างใช้กลยุทธ์จูงใจผู้บริโภคกันเต็มที่ มีบริษัทมากมายเปิดตัวเพื่อให้บริการ “โหลด ลด แลก แจกกระจาย” ผ่านเอสเอ็มเอสอย่างแพร่หลาย แต่บางครั้งผู้ใช้โทรศัพท์ก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากบริการเอสเอ็มเอสผ่านมือถือ!!
สิ่งเหล่านี้ยังเหมือนหลุมพรางรอดักผู้บริโภค ซึ่ง ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา ผู้อำนวยการสถาบันคุ้มครองผู้บริโภคในกิจการโทรคมนาคม เล่าว่า จาก การที่หน่วยงานรับเรื่องร้องทุกข์ ของผู้บริโภคที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมผ่านบริการเอสเอ็มเอสตั้งแต่สองปีที่ผ่านมามีเพิ่มขึ้น เห็นได้จากเดือนมกราคม 2552 มีผู้โทรฯ มาแจ้งแล้ว 5 ราย อันแสดงให้เห็นถึงความเดือดร้อนของผู้บริโภคเริ่มแผ่วงกว้างมากขึ้น
จากสถิติปัญหาเอสเอ็มเอสที่ร้องเรียนมากที่สุดคือ
1. เมื่อสมัครแล้วไม่สามารถบอกเลิกการใช้บริการได้ เช่น บริการข่าวเอสเอ็มเอส เมื่อผู้บริโภคโทรฯ แจ้งเครือข่ายบอกเลิกบริการข่าวผู้รับสายจะบอกปัด ให้โทรฯไปแจ้งบริษัทที่ทำการส่งข่าว แต่พอโทรฯ ไประบบทำการโอนสายไปยังที่ต่าง ๆ ซึ่งไม่มีผู้รับสาย
2.ผู้ใช้บริการมีความรู้สึกว่า ถูกละเมิดสิทธิเพราะเบอร์โทรศัพท์เป็นข้อมูลส่วนบุคคล ผู้ให้บริการเครือข่ายไม่ควรนำไปเผยแพร่แก่ผู้อื่น เช่น เอสเอ็มเอสขายของต่าง ๆ
3.รู้สึกถูกรบกวนจนไม่เป็นอันทำงาน เนื่องจากเอสเอ็มเอสการบริการต่าง ๆ ดังทั้งวันทำให้เกิดความรำคาญและรบกวน สมาธิ “ทั้งสามปัญหานี้เชื่อมโยงกันอย่างชัดเจน ซึ่ง กทช. มีหน้าที่ดูแลแค่ตัวบริการ ไม่สามารถดูลึกถึงเนื้อหาของการบริการได้ เหมือนกับมีหน้าที่แค่ดูแลการส่งจดหมายไม่สามารถเปิดซองจดหมายอ่านได้”
หากมองในแง่ความเป็นจริงผู้บริโภคสามารถบอกเลิกการบริการจากคอลเซ็นเตอร์ของเครือข่ายได้ทันที เพราะเครือข่ายได้ทำสัญญากับบริษัทต่าง ๆ ที่บริการผ่านเอสเอ็มเอส โดยทั้งสองฝ่ายต่างได้ส่วนแบ่ง ซึ่งเครือข่ายต้องมีส่วนในการแก้ไขปัญหาให้กับผู้บริโภค
ขณะนี้ผู้ให้บริการนิยมให้ทดลองใช้ฟรี ประวิทย์ มองว่า หากหมดช่วงเวลาการใช้บริการฟรี ผู้บริการควรส่งข้อความเพื่อยืนยันการรับบริการ ไม่ใช่ให้บริการต่อโดยไม่มีการยืนยันจากผู้บริโภค เช่น ทดลองรับข่าวฟรี 7 วัน พอครบกำหนดก็ไม่มีระบบยืนยันการใช้บริการแต่ทำการหักเงินจากมือถือทันที ซึ่งผู้บริโภคกำลังถูกเอาเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ผู้ให้บริการผ่านระบบเอสเอ็มเอสควรระบุที่มาอย่างชัดเจน และต้องมีหมายเลขที่ติดต่อได้แจ้งให้ผู้ใช้ทราบอย่างละเอียด ตลอดจนบอกวิธีการยกเลิกบริการตั้งแต่แรกเริ่มสมัครใช้ นอกจากนี้ควรกำหนดระยะเวลาการใช้บริการ เช่น ครบ 3 เดือน แล้วสมัครใหม่ เป็นต้น
ประวิทย์ แนะนำสิทธิของผู้บริโภคว่า เมื่อมีเอสเอ็มเอสส่งมาทางมือถือควรตั้งสติให้ดี อ่านข้อความให้จบเสียก่อน ซึ่งหากไม่แน่ใจให้กดปุ่มวางสายทันที ขณะเดียวกันหมายเลข โทรศัพท์เป็นข้อมูลส่วนบุคคลหากไม่ต้องการเอสเอ็มเอสรบกวนสามารถโทรฯ แจ้งเครือข่ายผู้ให้บริการบอกเลิกได้
นอกจากนี้หากไม่สมัครบริการไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย แต่ถ้ามีผู้แอบอ้างสามารถแจ้งเครือข่ายระงับได้ทันที ส่วน กทช. กำหนดไว้ว่า ผู้ใช้บริการสามารถบอกเลิกบริการได้ตลอดเวลา
ในประเทศไทยยังเป็นช่องว่างทางกฎหมายซึ่งยังไม่ครอบคลุมสิทธิผู้บริโภค ต่างจากหลายประเทศที่มีระบบการจัดการรบกวนเพื่อให้ผู้ใช้บริการมีความเป็นส่วนตัว เช่น ฮ่องกง ผู้ใช้บริการที่ไม่ต้องการรับเอสเอ็มเอส สามารถแจ้งความ ประสงค์กับเครือข่ายได้ทันที ซึ่งเมื่อแจ้งแล้วหากมีข้อความบริการเข้ามา ผู้บริโภคสามารถเอาผิดทางกฎหมายได้
ขณะเดียวกันเด็กบางคนโหลดทุกอย่างทำให้ผู้ปกครองต้องรับภาระค่าใช้จ่ายสูงในแต่ละเดือน ดังนั้นผู้ให้บริการควรจัดประเภทอายุของผู้ใช้เพื่อ ให้บริการที่เหมาะสมกับวัย ขณะเดียวกันการส่งเอสเอ็มเอสยังไม่มีการกำหน[คำไม่พึงประสงค์]ัตราค่าบริการ ทำให้ผู้บริการสามารถหักเงินจากบริการเท่าไหร่ก็ได้ แล้วแต่ผู้ให้บริการกำหนด นอกจากนี้การส่งข้อความไปหาผู้รับในส่วนต่าง ๆ ยังมีอัตราที่ไม่เท่ากัน เช่น ส่งข้อความไปยังรายการทีวี เพื่อให้ขึ้นหน้าจอต้องเสียค่าส่ง 9 บาท ทั้งที่การส่งข้อความปกติครั้งละ 3 บาท ในความเป็นจริงต้นทุนการส่งข้อความแค่ครั้งละ 50 สตางค์ ซึ่งมีราคาถูกลงกว่าเดิมมากเนื่องจากเทคโนโลยีมีความสะดวกรวดเร็ว ต่างจากยุคแรกที่เริ่มมีการส่ง ข้อความผ่านมือถือต้องเสียเงิน ครั้งละ 150 บาท
ที่อันตรายกว่านั้นคือ มีการขายประกันผ่านมือถือ โดยตัวแทนโทรฯมาหว่านล้อมเพื่อให้ผู้ซื้อยอมรับ โดยระหว่างที่พูดตัวแทนจะทำการอัดเสียงเพื่อยืนยันว่า ผู้ซื้อยอมรับ แล้วหลังจากนั้นจึงทำการหักเงินผ่านระบบบัตรเครดิตในแต่ละเดือน ซึ่งพอแจ้งไปยังเครือข่ายมือถือก็บ่ายเบี่ยง จึงอยากเตือนประชาชนให้ระวังอย่าตกเป็นเหยื่อของกลุ่มบุคคลเหล่านี้ โลกกำลังหมุนเร็วขึ้นทุกวัน หน่วยงานผู้รับผิดชอบเองก็ต้องตามให้ทันเพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภค จะมัวทำงาน “เช้าชาม เย็นชาม” เหมือนก่อนคงลำบาก.

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>กินเพื่อสุขภาพ<<<

กินเพื่อสุขภาพ
1. กินน้ำมะนาวปั่นสามารถแก้อาการเมาค้างได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่แก้อาการเมาค้างได้โดยการดื่มน้ำกล้วยปั่นกับนมและน้ำผึ้ง เพราะกล้วยจะทำให้กระเพาะของเราสงบลง ส่วนน้ำผึ้งจะเป็นตัวช่วยหนุนเสริมปริมาณน้ำตาลในเส้นเลือดที่หมดไป ในขณะที่นมก็ช่วยปรับระดับของเหลวในร่างกายของเรา ทำให้อาการเมาหายไปได้
2. เมื่อเป็นไข้ไม่ควรกินฝรั่ง จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในฝรั่งมีแร่โพแทสเซียมสูง เมื่อเวลาเป็นไข้ร่างกายจะมีอุณหภูมิสูงขึ้น การกินอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงจะส่งผลให้เกิดอาการชักได้
3. มันฝรั่งช่วยลดความดันโลหิตให้ต่ำลงได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในมันฝรั่งมีสารเคมีที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ชื่อว่า คูคัวไมน์ส มีสรรพคุณในการควบคุมความดันโลหิตให้ต่ำลง และมันยังรักษาโรคที่ลึกลับที่เรียกว่า โรคนอนหลับ ได้อีกด้วย
4. ดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การดื่มนมร้อนก่อนนอนจะช่วยให้นอนหลับสบายยิ่งขึ้น เพราะนมร้อนจะส่งเสริมให้สมองหลั่งสาร
5. การเคี้ยวหมากฝรั่งช่วยเพิ่มฮอร์โมนเพศชายได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่การเคี่ยวหมากฝรั่งช่วยให้คนไข้ผ่าตัดลำไส้ใหญ่หายเร็วขึ้น เพราะการเคี้ยวหมากฝรั่งหลังการผ่าตัด เป็นการบริหารให้ลำไส้กลับมาทำงานตามปกติได้เร็วขึ้น คนไข้จะไม่เกิดอาการลำไส้อืด ซึ่งทำให้ปวดท้อง และท้องอืด หลังจากที่ต้องหยุดทำงานไปพักหนึ่ง
6. การกินเนยก่อนนอนทำให้นอนหลับสนิทขึ้น จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะในเนยมี กรดอะมิโน ที่มีชื่อว่า ทริปโตพัน ซึ่งมีสรรพคุณช่วยให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลาย และสะกดให้หลับได้สนิทดีขึ้น
7. กินส้มช่วยแก้อาการเซ็งได้ จริงหรือ
เฉลย จริง การรับประทานส้มโดยปอกเปลือกเองจะมีกลิ่นส้มที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย และวิตามินซีที่ร่างกายได้รับในจำนวนที่เพียงพอ ช่วยให้สมองหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้คลายความเครียดลงได้ดีออกมาด้วย
8. การกินช็อคโกแล๊ตช่วยแก้ไอได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ โกโก้ที่ใช้ทำช็อคโกแล๊ตมีสารที่ชื่อว่า ธีโอโบรไมน์ จะไปออกฤทธิ์ที่เส้นประสาทชื่อ เวกัสเนอร์ฟ ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการไอ ทำให้สามารถหยุดอาการไอเรื้อรังอย่างได้ผล
9. การกินบ๊วยช่วยเพิ่มกำลังได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ การที่คนเรามีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เพราะกรดในเลือดสูง ร่างกายไม่สามารถปรับดุลความเป็นด่างได้ทัน แต่บ๊วยมีความเป็นด่าง Ph 7.35 ใกล้เคียงกับเลือดคนเรา จึงช่วยถ่วงดุลความเป็นด่างได้ และยังมีโปรตีน เกลือแร่ และสารอาหารจำเป็นอยู่มากอีกด้วย
10. การกินอาหารมื้อเช้าช่วยป้องกันความจำเสื่อมได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เพราะ เลือดตอนเช้าจะแข็งตัวง่ายกว่าปกติ จึงมีโอกาสที่หลอดเลือดอุดตันมากขึ้น สารอาหาร ไปเลี้ยงสมองได้น้อยลง สมองจึงค่อยๆ เสื่อม

วันจันทร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>ยอดติดหวัด 2009 พุ่ง 774 คน พบโคม่า 1 ราย<<<


นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน ว่า นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้ปรับการรายงานผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 โดยต้องรายงานจำนวนผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ควบคู่กับไปการรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มเติม และผู้ป่วยที่ต้องนอนโรงพยาบาล เพราะที่ผ่านมามีผู้ป่วยหลายคนที่นอนโรงพยาบาล แต่อาการไม่หนัก ซึ่งตัวเลขที่มาก อาจทำให้ประชาชนแตกตื่น ขณะนี้ยืนยันว่า มีผู้ป่วยอาการหนักเพียงรายเดียว จากผู้ป่วยที่นอนโรงพยาบาลทั้งหมด 14 ราย

นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ผู้ป่วยอาการหนักเป็นหญิงวัย 50 ปี แพทย์เป็นห่วงมาก เพราะมีโรคประจำตัว ได้ให้คณะแพทย์ศิริราชพยาบาล และโรงพยาบาลเอกชน ร่วมกันตรวจวินิจฉัยด้วยการส่องกล้องหาสาเหตุที่ชัดเจน อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงของโรคขึ้นอยู่กับภูมิคุ้มกันของแต่ละบุคคล เพราะแม้เชื้อจะรุนแรงน้อย แต่หากผู้รับเชื้อไม่มีภูมิคุ้มกัน และร่างกายอ่อนแอ ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้

วันเดียวกัน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เดินทางตรวจเยี่ยมโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี โดยกล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อไข้หวัดใหญ่เพิ่มขึ้นอีก 69 ราย รวมขณะนี้ มีผู้ป่วยสะสม 774 ราย โดยจำนวนที่เพิ่มขึ้น 69 ราย เป็นนักเรียน 61 ราย โรงเรียนจึงเป็นสถานที่ที่น่าเป็นห่วงของการแพร่ระบาด จึงฝากให้นักเรียนยึดหลักในการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด กินร้อน ช้อนกลาง และล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยลดการติดเชื้อหวัดทุกชนิดได้ถึงร้อยละ 90

นายวิทยา กล่าวต่อว่า โรคนี้ส่วนใหญ่หายได้เอง อัตราการเสียชีวิตจึงอยู่ที่ร้อยละ 0.2-0.4 เท่านั้น ใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ธรรมดา ปีที่ผ่านมา มีผู้ป้วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ธรรมดาในไทย ถึง 900,000 คน เสียชีวิต 302 คน อย่างไรก็ตาม แม้ไข้หวัดใหญ่ 2009 จะไม่รุนแรงแต่ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้ จึงต้องฝากให้นักเรียนรักษาความสะอาด เพื่อป้องกันโรค

นายวิทยา กล่าวด้วยว่า แม้มีบางโรงเรียนประกาศหยุดเรียน เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของเชื้อหวัดใหญ่ฯ 2009 แต่จะพบว่า มีการแพร่ระบาดจากโรงเรียนในเมืองไปยังโรงเรียนย่านปากน้ำ จ.สมุทรปราการ เมื่อกระทรวงสาธารณสุขตรวจสอบ พบว่า เป็นการแพร่ระบาดจากโรงเรียนกวดวิชาแทน สำหรับมาตรการต่างๆ ที่ สธ. รณรงค์ให้ความรู้ทำความเข้าใจประชาชน ได้รับการตอบรับดี และเข้าใจว่าไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ไม่ใช่หวัดมฤตยู

รัฐมนตรีว่าการ สธ. ยังกล่าวถึงผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ฯ 2009 ว่า ปัจจุบันมีเพียง 14 ราย ที่ยังรักษาตัวที่โรงพยายาล และมี 1 ราย ต้องเฝ้าระวังอย่างพิเศษ เป็นหญิงอายุประมาณ 50 ปี ติดเชื้อจากลูก มีโรคแทรกซ้อน มีอาการปอดปวมต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เป็นอาการที่น่าห่วง

วันอังคารที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>ระวัง คลินิกมั่วฉีดวัคซีน อ้างกันหวัด<<<


คลินิกทำคนสับสน อ้างมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 เรียกเก็บเข็มละ 600 บาท อธิบดีกรมควบคุมโรคยืนยันไม่มีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ในตอนนี้มีแค่วัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ธรรมดาเท่านั้น


การแพร่ระบาดของเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ได้สร้างความหวาดวิตกให้คนไทยมากขึ้นเป็นลำดับ เมื่อล่าสุดพบว่ามีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 200 คนแล้ว และจากสถานการณ์ดังกล่าวก็มีคำโฆษณาเชิญชวนจากคลินิกหลายแห่ง รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนบางแห่ง ว่า มีวัคซีนฉีดป้องกันไข้หวัดใหญ่ ทำให้เกิดการบอกเล่าปากต่อปากว่ามีวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเท่าที่ตรวจสอบ คลินิกบางแห่งคิดค่าฉีดวัคซีนดังกล่าวเข็มละ 600 บาท


อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังคลินิกที่อ้างว่ามีวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ 2009 ซึ่งเมื่อผู้สื่อข่าวตั้งข้อสังเกตว่า กระทรวงสาธารณสุขยังไม่เคยออกมายืนยันว่ามีวัคซีนป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธ์ใหม่ 2009 แพทย์เจ้าของคลินิกก็ชี้แจงว่า วัคซีนที่จะฉีดเป็นวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่อีกชนิดหนึ่ง แต่การฉีดวัคซีนดังกล่าวจะทำให้ร่างกายสร้างภูมิต้านทาน ซึ่งจะมีผลในการป้องกันเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ได้ในระดับหนึ่ง


นพ.ม.ล.สมชาย จักรพันธุ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า คลินิกหรือโรงพยาบาลหลายแห่ง ใช้คำพูดที่กำกวมทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ความจริงแล้ว วัคซีนที่ใช้ป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่มีบริการอยู่ในหลายแห่งนั้น คือวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ประจำปี ซึ่งก็คือปี 2009 คือไข้หวัดใหญ่ทั่วๆ ไป ไม่ใช่วัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 แต่อย่างใด


"ยืนยันว่าขณะนี้ไม่มีวัคซีนใดที่จะป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ที่ระบาดมาจากประเทศเม็กซิโกได้ อาจมีบริษัทยาบางแห่งอ้างว่าผลิตได้แล้ว แต่ก็ยังไม่ได้รับการทดลองตามขั้นตอนจนสามารถนำมาใช้กับคนได้ อย่างเร็วที่สุดที่จะมีวัคซีนป้องกันไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ได้ ก็น่าจะเป็นปี 2010 และช่วงนี้เป็นช่วงไข้หวัดใหญ่ระบาดในทุกๆ ปี จึงทำให้เกิดความสับสนได้"


อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ความจริงแล้วไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด สาเหตุที่ทำให้ประชาชนเกิดความตื่นตระหนก เนื่องจากในช่วงที่โรคนี้ระบาด ในเม็กซิโกมีการเสนอข้อมูลด้านตัวเลขผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตคลาดเคลื่อนจากความเป็นจริง ซึ่งที่จริงแล้วผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 มีสัดส่วนเหมือนไข้หวัดปกติ คือ ผู้ป่วย 1,000 คน จะมีผู้เสียชีวิต 1 คน เมื่อประชาชนได้รับข้อมูลที่ผิดจึงเป็นกระแสให้เกิดความหวาดผวาขึ้น


นพ.ม.ล.สมชาย กล่าวว่า มีนักวิชาการบอกว่าไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 จะระบาดต่อไปจนถึงปี 2010 โรคนี้ก็จะกลายเป็นโรคไข้หวัดประจำปีไป ส่วนการป้องกันนั้นเพียงแค่ล้างมือบ่อยๆ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ พักผ่อนให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ หากไม่สบาย เช่น มีน้ำมูกไหล มีไข้ต่ำๆ ไอ เจ็บคอ ให้สวมหน้ากากอนามัย และควรพักผ่อนรักษาตัวเองอยู่ที่บ้าน 3 - 7 วัน แต่หากมีอาการมากขึ้นควรไปพบแพทย์ ระหว่างอยู่ที่บ้านควรหลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้อื่น และสวมหน้ากากอนามัย


"ในช่วงฤดูฝนของทุกปีจะเป็นช่วงที่ไข้หวัดใหญ่ทั่วไประบาด ประชาชนจึงควรดูแลสุขภาพตัวเอง และอย่าตื่นตระหนกจนเกินไป" อธิบดีกรมควบคุมโรคกล่าว


วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>พบ 2 สาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่ ครั้งแรกในโลก<<<


ศิริราช เผย พบสาวไทยติดเอดส์พันธุ์ใหม่รายแรกในโลก เป็นเชื้อผสม 2 สายพันธุ์ใหม่ คาดติดจากชาวแอฟริกัน เชื้อระบาดง่าย-เร็วขึ้น แถมดื้อยาต้านไวรัส ชี้หญิงไทยลอบขายบริการที่แอฟริกาใต้ ไม่ใช้ถุงยางอนามัย

เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อีจะพบสูงถึงร้อยละ 90 ขึ้นไป ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอวี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ โดยในปีนี้มีการทำวิจัยต่อเนื่องตามปกติปรากฏว่า พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 ราย จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 ราย เนื่องจากถอดรหัสออกมาแล้วพบว่า เป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ต่างออกไปจากเดิม และอาจเป็นสายพันธุ์เอดส์ลูกผสมที่ไม่เคยเจอมาก่อนในโลกนี้ก็ได้ โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) กับรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)

ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวว่า ตัวอย่างทั้ง 2 ราย มาจากหญิงฝากครรภ์ที่โรงพยาบาล เป็นเชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ที่ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน สายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่จะพบในทวีปแอฟริกา โดยเฉพาะไนจีเรีย ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่า เป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คน ได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง ที่น่าเป็นห่วงคือ สายพันธุ์เอชไอวี จากแอฟริกา จะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสเอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่าย และแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น

ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา แนะนำว่า การพบเชื้อเอดส์พันธุ์ใหม่ 2 ชนิดจากตัวอย่าง 44 ชนิด คิดเป็นร้อยละ 2 เป็นตัวเลขที่สูงมาก กระทรวงสาธารณสุขต้องเร่งเก็บตัวอย่างเลือดของผู้หากติดเอดส์มาวิเคราะห์โมเลกุล เพื่อสืบหาสายพันธุ์ลูกผสมว่า มีการแพร่ระบาดมากน้อยเพียงไร โดยเฉพาะในกลุ่มผู้เสพยาเสพติดและหญิงบริการ เพราะถ้าใครมีเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์ เมื่อแพร่เชื้อออกไปผู้ติดเชื้อใหม่ก็จะได้รับเชื้อตัวนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้นผู้ใดมีเชื้อเอดส์เอ-อี หรือบีอยู่ในตัว แล้วได้รับเชื้อเอดส์ลูกผสม 3 สายพันธุ์เข้าไป ก็อาจจะกลายเป็นเชื้อผสม 4-5 สายพันธุ์ได้ เพราะเคยมีปรากฏการณ์นี้เกิดขึ้นมาแล้วที่แอฟริกา โดยพบผู้ติดเชื้อเอดส์ 5 สายพันธุ์ผสมกัน หรือที่เรียกว่า ซีพีเอกซ์ (CPX)

วันอังคารที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>อย่าเปิดเครื่องปรับอากาศ (แอร์) ทันทีที่คุณขึ้นรถ! <<


โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณจอดรถตากแดดไว้ ให้เปิดหน้าต่างหลังจากขึ้นรถ และอย่าเปิดแอร์ทันที ตามผลการวิจัย แผงหน้าปัทม์ (คอนโซล) เบาะที่นั่ง และน้ำหอมปรับอากาศ จะสร้างสารเบนซีน ที่เป็นสารก่อมะเร็งขึ้น (อย่างที่คุณได้กลิ่นเหมือนพลาสติคจาง ๆ ในรถ "โดยเฉพาะอย่างยิ่ง รถใหม่"

นอกจากเป็นสาเหตุให้เป็นมะเร็งแล้ว สารดังกล่าวยังเป็นพิษต่อกระดูก ทำให้เกิดโรคโลหิตจาง และลดจำนวนเม็ดเลือดขาว ซึ่งในระยะยาวอาจทำให้เป็นโรคลูคีเมีย และอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์มารดาได้

ระดับของสารเบนซีนที่ยอมรับได้ในอาคาร / ในรถ คือ 50 มิลลิกรัม ต่อ ตารางฟุต แต่ระดับของสารเบนซีนในรถที่จอ[คำไม่พึงประสงค์]ยู่ในร่มมีค่าอยู่ที่ 400 - 800 มิลลิกรัม หากรถจอดอยู่กลางแจ้งที่มีอุณหภูมิสูงเกินกว่า 60 องศาฟาร์เรนไฮท์ 15.5 องศาเซลเซียส "ในเมืองไทยจอดในร่มอุณหภูมิก็สูงเกินแล้ว" ระดับของสารเบนซีนจะสูงขึ้นถึง 2000 -4000 มิลลิกรัม คือสูงกว่าระดับที่ยอมรับได้ถึง 40 เท่า คนที่อยู่ในรถจะหายใจเอาสารพิษที่สูงเกินมาตรฐานดังกล่าวเข้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ดังนั้นจึงขอแนะนำว่าให้คุณเปิดประตู หน้าต่างรถ ไว้สักระยะเพื่อให้อากาศที่อยู่ในตัวรถออกมาก่อนจะเข้าไปนั่ง สารพิษที่ร่างกายคุณไม่สามารถขับออกได้โดยง่าย ซึ่งส่งผลร้ายต่อ ตับ ไต ไส้ พุง

"เมื่อใครบางคนแบ่งปันบางสิ่งที่มีค่ากับคุณ และคุณได้รับประโยชน์จากมัน คุณก็ควรจะแบ่งปันสิ่งนั้นให้กับผู้อื่นด้วย"??

วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2552

>>>ตัวอย่างชื่อไข้หวัดใหญ่ที่เคยระบาดทั่วโลก <<<

-พ.ศ.2461-2462 (ค.ศ.1918-1919) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H1 N1 (ยุคนั้นยังไม่สามารถตรวจแยกเชื้อได้ แต่มีการตรวจชนิดของเชื้อไวรัสในภายหลัง) ชื่อว่าไข้หวัดใหญ่สเปน (Spain Flu) เป็นการระบาดทั่วโลกครั้งร้ายแรงที่สุด มีผู้ป่วยเสียชีวิตประมาณ 50 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในสหรัฐกว่า 500,000 คน
-พ.ศ.2500-2501 (ค.ศ.1957-1958) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H2 N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่เอเชีย (Asian Flu) ระบาดครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีน ก่อนระบาดไปทั่วโลก มีผู้เสียชีวิต 70,000 คน ในสหรัฐ การระบาดในครั้งนี้สามารถตรวจพบและจำแนกเชื้อได้รวดเร็ว และผลิตวัคซีนออกมาฉีดป้องกันได้ทัน จึงมีผู้เสียชีวิตไม่มาก
-พ.ศ.2511-2512 (ค.ศ.1968-1969) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H3 N2 มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่ฮ่องกง (Hong Kong Flu) รายงานผู้ป่วยรายแรกเป็นชาวฮ่องกง มีผู้เสียชีวิตประมาณ 34,000 คน ในสหรัฐ เป็นชนิดย่อยที่มีลักษณะทางพันธุกรรมคล้ายไข้หวัดใหญ่เอเชีย (H2 N2) จึงมีผู้ป่วยจำนวนไม่มาก เพราะมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้างแล้ว
-พ.ศ.2520-2521 (ค.ศ.1977-1978) ไวรัสไข้หวัดใหญ่ A ชนิด H1 N1 กลับมาระบาดใหม่ มีชื่อว่าไข้หวัดใหญ่รัสเซีย (Russian Flu) เริ่มระบาดที่สาธารณรัฐประชาชนจีนตอนเหนือ แล้วกระจายไปทั่วโลก ทราบภายหลังว่าเป็นไวรัสชนิดเดียวกับ ไข้หวัดใหญ่สเปน (H1 N1)
-ไข้หวัดนก (อังกฤษ: avian influenza หรือชื่อสามัญ bird flu) เป็นโรคที่เกิดจากไวรัสไข้หวัดใหญ่ชื่อ H5N1 ซึ่งพบได้ในสัตว์ปีก ค้นพบครั้งแรกในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ในประเทศอิตาลี เรียกกันว่าไข้หวัดสเปน โรคนี้ระบาดอย่างหนักทั่วโลก
การระบาดของไข้หวัดนก สร้างความเสียหายอย่างมากให้กับอุตสาหกรรมสัตว์ปีก โดยเฉพาะในประเทศไทยและเวียดนาม มีการฆ่าสัตว์ปีก โดยเฉพาะไก่ในฟาร์มไปหลายล้านตัว เพื่อระงับการแพร่กระจายของโรค

วันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

>>>วิธีตรวจสอบคุณสมบัติของโทรศัพท์มือถือ <<<

อยากรู้ว่าโทรศัพท์มือถือของท่านเป็นของแท้หรือไม่?
กดเครื่องหมาย *#06# หมายเลขรหัส IMEI จะปรากฎขึ้นมา โปรดดูหมายเลขที่ 7 และ 8
ดังนี้ 1 2 3 4 5 6 7 8 9 10 11 12 13 14 15
- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 02 หรือ 20 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบใน ประเทศจีน ซึ่งมี คุณภาพต่ำ
- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 08 หรือ 80 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตใน ประเทศเยอรมัน ซึ่งมี คุณภาพปานกลาง
- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 01 หรือ 10 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตใน ประเทศฟินแลนด์ ซึ่งมี คุณภาพดีมาก
- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 00 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านผลิตจาก โรงงานผลิต โดยตรงซึ่งมี คุณภาพดีที่สุด
- หากหมายเลขที่เจ็ดและแปดเป็น 13 แสดงว่าโทรศัพท์มือถือของท่านประกอบที่ ประเทศอาเซอร์ไบจัน ซึ่งมี คุณภาพเลวและเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

วันอังคารที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

>>>เรื่องน่ารู้รอบตัว<<<

เคล็ดลับแม่บ้าน
1. ไข่ขาวสามารถใช้รักษาแผลน้ำร้อนลวกได้ จริงหรือ
เฉลย จริง โดยใช้ไข่ขาว มาทาที่น้ำร้อนลวกให้ทั่วทิ้งไว้จนแห้ง ไปเอง แล้วรอสักพักใหญ่ๆ จึงล้างออกจะไม่มีรอยแดง หรือพองเลย ข้อสำคัญ ก่อนทาไข่ขาวอย่าให้ถูกน้ำเย็นหรือของอื่นเลย และอย่าไปแกะ หรือเกาตอนที่ใกล้จะแห้ง เพราะจะทำให้หนังถลอก
2. ยาหม่องสามารถใช้ขจัดหมากฝรั่งเปื้อนผ้าได้ จริงหรือ
เฉลย จริง โดยการใช้ยาหม่องถูตรงยางเหนียวๆ ของหมากฝรั่งไปมา ไม่นานยางของหมากฝรั่งก็จะหลุ[คำไม่พึงประสงค์]อกหมด แล้วจึงนำผ้าไปซักตามปกติ
3. ใส่หลอดในขวดซอสมะเขือเทศจะทำให้เทออกง่าย จริงหรือ
เฉลย จริง โดยการใส่หลอดลงไปให้ลึกถึงก้นขวด เพื่อให้อากาศสามารถแทรกผ่าน เข้าไปในขวดได้ แล้วเทซอสมะเขือเทศ ก็จะไหลออกมาง่ายขึ้น
4. ถุงน่องแช่น้ำเกลือช่วยให้ถุงน่องไม่ขาดง่าย จริงหรือ
เฉลย จริง โดยการนำเกลือ 2 ถ้วยผสมกับน้ำ 1 แกลอน แช่ถุงน่องใหม่ไว้นาน 3 ชั่วโมง แล้วล้างด้วยน้ำเย็น ยกถุงน่องขึ้น มาตากให้น้ำหยดจนแห้ง ก็จะทำให้ถุงน่องคงสภาพ และเหนียวทนนาน
5. มันฝรั่งกำจัดกลิ่นปลาร้าติดมือได้ จริงหรือ
เฉลย ไม่จริง แต่มันฝรั่งสามารถกำจัดกลิ่นหัวหอมติดมือได้ โดยการนำมันฝรั่งที่ปอกแล้ว มาถูมือที่มีกลิ่นหัวหอมติ[คำไม่พึงประสงค์]ยู่ กลิ่นหัวหอมก็จะค่อยๆ จางหายไป
6. พริกแห้งใช้ไล่แมลงวันได้ จริงหรือ
เฉลย จริง เวลาตากของแห้งไว้ จะมีแมลงวันมาตอม ให้เอาพริกแห้ง 5 - 6 เม็ด เสียบไว้รอบกระด้ง ไอร้อนของพริก จะทำให้แมลงวันไม่กล้าเข้าใกล้
7. เบียร์ช่วยคลายเกลียวขึ้นสนิมได้
เฉลย จริง ให้รินเบียร์ลงไปบนเกลียวขึ้นสนิมนิดหน่อย รอ 2-3 นาที ความเป็นกรดของเบียร์ จะช่วยขจัดสิ่งสกปรก และเศษสนิม ทำให้เกลียวหมุนเปิดได้ง่ายขึ้น
8. เอาผ้าไหมแช่ช่องแข็งจะทำให้รีดง่าย จริงหรือ
เฉลย จริง การรีดผ้าไหม ควรใช้ไฟอ่อนๆ เพราะผ้าไหมจะไหม้เกลียม หรือเป็นสีเหลืองได้ง่าย แต่ถ้าผ้าไหมยับมาก ก่อนรีดควรฉีดพรมน้ำยาให้ทั่ว แล้วพับใส่ถุงพลาสติก นำไปแช่ในช่องแข็งของตู้เย็น ประมาณ 10 -15 นาที แล้วจึงนำออกมารีด จะทำให้รีดผ้าไหมได้ง่าย และเรียบยิ่งขึ้น
9. นำเหรียญสลึงใส่แจกันช่วยให้[คำไม่พึงประสงค์]กไม้ไม่เ[คำไม่พึงประสงค์]่ยวเฉาได้ จริงหรือ
เฉลย จริง โดยให้หย่อนเหรียญสลึงลงไปในแจกัน ส่วนผสมที่เป็นทองแดงในเหรียญ จะช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งเป็นสาเหตุให้[คำไม่พึงประสงค์]กไม้เ[คำไม่พึงประสงค์]่ยวเฉา
10. ใบฝรั่งช่วยดูดกลิ่นได้ จริงหรือ
เฉลย จริง โดยให้นำใบฝรั่งมาตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำมันหอมระเหยที่ได้ จะทำหน้าที่ดับกลิ่น ส่วนกากใบที่ได้ให้นำไปวางไว้ตามจุดต่างๆ เพื่อช่วยดูดกลิ่นได้

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

>>>พบกำแพงเมืองจีนอีก2,500ก.ม.ซ่อนในเขา <<<

กำแพงเมืองจีนไม่ได้ยาว 8,851.8 กิโล เมตรอย่างที่ทราบกันเสียแล้ว แต่สำนัก งานสำรวจและทำแผนที่จีน ใช้เทคโน โลยีในการทำแผนที่ต่างๆ เช่น จีพีเอสและแสงอินฟราเรด พบว่า กำแพงเมืองจีนที่สร้างในสมัยราชวงศ์หมิงยาวเพิ่มขึ้นอีก 2,551 กิโลเมตร


สำนักงานใช้เวลาสำรวจความยาวของกำแพงเมืองจีนนาน 2 ปี ซึ่งความยาวกำแพงที่เพิ่มขึ้นจากเดิมนี้ซ่อนอยู่ตามเขา คูเมืองและแม่น้ำ ตั้งแต่ภูเขาหูทางตอนเหนือของมณฑลเหลียวหนิงไปยังด่านเจียยู่ ทางตะวันตกของมณฑลกานซู

กำแพงเมืองจีนที่พบใหม่สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง (1368-1644) เพื่อปกป้องชนเผ่ามองโกลและเผ่าอื่นๆ ที่อยู่ทางตอนเหนือเข้ามารุกราน แต่พายุทะเลทรายที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง และกำแพงที่ทำจากโคลนซึ่งไม่แข็งแรงเท่ากับกำแพงส่วนอื่นๆ ที่ทำจากอิฐและหิน ทำให้กำแพงบางส่วนพังทลายกระทั่งจมหายไป

หลังจากนี้สำนักงานจะศึกษาแผนที่อีก คือกำแพงที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์ฉิน (221-206 ปีก่อนคริสตกาล) และราชวงศ์ฮั่น (206 ปีก่อนคริสตกาล-ค.ศ.9)

วันจันทร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2552

>>ความรู้รอบตัวแบบที่คุณไม่เคยรู้ 2<<

37.ใน 4000 ปีที่ผ่านมา ไม่มีสัตว์ชนิดใหม่ๆที่ถูกทำให้เชื่อง
38.เชคสเปียร์ เป็นคนคิดค้นคำว่า assassination (การลอบฆ่า) และ bump (ชน กระทบ)
39.หัวใจมนุษย์สร้างความดันเพียงพอที่จะปั๊มเลือดออกจากร่างกายไป 30 ฟุต
40. หนูสามารถสืบพันธ์ได้เร็วมาก ใน 18 เดือน หนูสองตัวจะสามารถมีทายาทมากกว่าล้านตัว
41.การใส่หูฟังแค่ชั่วโมงเดียว ทำให้แบคทีเรียในหูเพิ่มขึ้น700 เท่าตัว
42.ลิปสติกส่วนใหญ่มีส่วนประกอบของเกล็ดปลา
43.เหมือนกับลายนิ้วมือ….ลายลิ้นทุกคนต่างกัน
44.นิตยสาร time ได้ยกย่องให้คอมพิวเตอร์เป็นบุคคลแห่งปีในปีค.ศ 1982(พี่หมี: เมื่อปี 2006 พวกเราก็ได้เป็นบุคคลแห่งปี เหมือนกันนี่หน่า เพราะเค้ายกย่อง ” YOU ” คุณผู้อ่านนั่นแหละที่ช่วยกันสร้างสังคมบนโลกออนไลน์ให้เกิดขึ้นมา)
45.สถิติจูบนานที่สุดในโลกเป็นของหลุยซา แอลเมโดวาร์ วัย 19 ปีกับแฟนหนุ่ม ริชแลงเลย์ วัย 22 ปีพวกเขาทำสถิติไว้ที่ 30.59.27 ชม.
46.ตอนที่ F4 ไปเปิดคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซียทำให้เด็กนักเรียนเกือบ100 คน ต้องเรียนซ้ำชั้น เพราะไม่ได้ไปลงทะเบียนเรียนเทอม 2
47.บริษัทผู้ผลิตยาสีฟันดาร์ลี่เป็นเจ้าของเดียวกันกับที่ผลิตยาสีฟันคอลเกต
48.โดนัลด์ ดักส์ ถูกแบนในประเทศฟินแลนด์ เพราะมันไม่ได้สวมกางเกงใน

49.฿าพยนต์เรื่อง notting hill จ่ายค่าตัวจูเลีย โรเบิร์ต 15ล้านเหรียญ ( 660 ล้านบาท ) ในขณะที่พระเอกอย่างฮิว แกรนจ์รับค่าตัวเพียง 1 ล้านเหรียญ ( 45 ล้านบาทคิดจากอัตรแลกเปลี่ยนเมื่อปี 1999 เป็นปีที่ออกฉาย)
50.หนังอนิเมชันเรื่อง SouthPark ได้รับการบันทึกลงในหนังสือกินเนสส์บุ๊กว่าเป็นหนังอนิเมชั่น เรื่องยาวที่หยาบคายที่สุดในโลกสถิติบันทึกไว้ว่า มีการใช้คำหยาบ 399 คำ พฤติกรรมรุนแรง 221 ครั้ง และแสดงท่าทางหยาบคาย 128 ครั้ง
51.ขนมทอดกรอบตรา ปูไทย ระบุว่าไม่มีส่วนผสมของเนื้อปู
52.ในน้ำทะเล 100 ตัน จะมีทองคำอยู่ประมาณ 4 กรัม
53.จำนวนแถวของข้าวโพดในแต่ละฝักจะเป็นเลขคู่
54.จิงโจ้เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมชนิดเดียวที่เดินถอยหลังไม่ได้
57.ยุงชอบเลือดเด็กมากกว่าเลือดผู้ใหญ่
58.แมงมุมทอดรสชาติเหมือนถั่ว
59.ฟันของแมลงสาบอยู่ในท้อง
60.เม่นทุกตัวลอยน้ำได้
61.หมู มีโอกาสเป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง
62.นอกจากมนุษย์แล้ว หมีขั้วโลกและจิงโจ้ต่างก็จูบเป็น ส่วนลิงชิมแปนซีนั้นจูบแบบ “เฟรนช์คิส” ได้ด้วย
63.คนถนัดขวามีอายุเฉลี่ยยืนยาวกว่าคนถนัดซ้ายถึง 9 ปี
64.Hippopotomonstrsesquippedaliophobia คือ ชื่ออาการของคนที่หวาดกลัวคำอ่านยาวๆ
65.ผู้ที่เกิดเดือนมกราคม - มีนาคม มีแนวโน้มเป็นโรคจิตและโรคคลั่งมากกว่าเดือนอื่นๆ
66.แก้วไม่ได้เป็นของเเข็ง เเต่เป็นของเหลว
67.สมองคนเราหนักประมาณ 3% ของน้ำหนักของร่างกาย แต่ใช้เลือดไปเลี้ยงถึง 15% ของเลือดทั้งหมด
68.เลือดของกุ้งมังกรเปนสีน้ำเงิน
69.อูฐสามารถหมุนหัว 180 องศา
70.รู้หรือเปล่าว่าเว็บ googleไม่ได้มีประโยชน์แค่หาข้อมูล แต่เป็นเครื่องคิดเลขได้ (ลองใส่ 5+2 หรือเลขอะไรก้อได้ในช่อง แล้วกด Search ดูจิ)

วันพฤหัสบดีที่ 16 เมษายน พ.ศ. 2552

>>>ความรู้รอบตัวแบบที่คุณไม่เคยรู้<<<


ความรู้รอบตัวแบบที่คุณไม่เคยรู้
1.ยุงบินด้วยความเร็ว 5 ไมล์ต่อชั่วโมง…
2.ผีเสื้อบินด้วยความเร็ว 20 ไมล์ต่อชั่วโมง…
3.เส้นผมคนรับน้ำหนักได้ 3 กิโลกรัม..
4.เสียงกรนที่ดังที่สุดดังถึง 87.5 เดซิเบลล์
5.พอล แมคคาร์ที เป็นเจ้าของลิขสิทธิเพลงแฮปปี้เบิร์ดเดย์ ถ้าจะนำมาออกรายการต้องซื้อลิขสิทธิก่อน…
6.เหรียญทองโอลิมปิกต้องมีแร่เงินผสมอยู่ 92.5 เปอร์เซนต์…
7.หอเอนเมืองปิซาเอนไปทางใต้…
8.กษัตริย์หลุยส์ที่ 14 อาบน้ำทั้งหมด 3 ครั้งในชีวิต…
9.ฮิตเลอร์แสกผมข้างซ้าย
10.ผู้หญิงที่เกาะฮาวายที่ทัดดอกไม้ที่หูข้างซ้าย แสดงว่ามีเจ้าของแล้ว…
11.เราไม่สามารถฆ่าตัวตายด้วยการกลั้นหายใจได้…
12.ผู้หญิง 3.9 เปอร์เซนต์ไม่ชอบใส่กางเกงใน…
13.ฮิปโปผายลมทางปาก…
14.ประเทศซาอุดิอราเบียไม่มีแม่น้ำ…
15.กังหันทั้งโลกหมุนทวนเข็มนาฬิกา ยกเว้นที่ไอร์แลนด์…
16.เด็กนักเรียนอายุ15 ปีขึ้นไปในบังคลาเทศจะถูกจับเข้าคุกถ้า”โกงข้อสอบ”…
17.ปลาที่อาศัยในน้ำลึกเกิน 800 เมตร จะไม่มีตา…
18.ผมคนเราจะร่วงประมาณ 200 เส้นต่อวัน…
19.ตัว”โอ”เป็นสระที่เก่าแก่ที่สุดในอังกฤษ…
20.คนพูดประมาณ 120 คำต่อนาที
21.ฝ่ามือและฝ่าเท้าของคนเราไม่สามารถไหม้ได้..
22.เม่นชอบช่วยตัวเอง…
23.ถ้าปลาไหลไฟฟ้าอยู่ในน้ำเค็ม จะถูกช็อตตาย…
24.ขั้นบันไดในไทยจะเป็นเลขคี่…
25.เจ้าฟ้าชายชาลส์ชอบสะสมฝาโถส้วม…
26.คนมีโอกาสตายจากผึ้งต่อยมากกว่างูกัด…
27.ประเทศวาติกันมีประชากรประมาณ 1000 คน
28.เมื่อคุณจาม หัวใจคุณจะหยุดเต้นเสี้ยววินาที
29.มันเป็นไปไม่ได้ ถ้าคุณจะจามโดยไม่หลับตา
30.เดิมโคคาโคล่าเป็นสีเขียว
31.ชื่อที่โหลที่สุดในโลกคือ Mohammed
32.กล้ามเนื้อที่แข็งแรงที่สุดในร่างกายคือลิ้น
33.แต่ละโพหลังไพ่ แสดงถึงกษัตริย์ที่ยิ่งใหญ่จากประวัติศาสตร์ - โพดำกษัตริย์เดวิด - ดอกจิก อเล็กซานเดอร์มหาราช - โพหัวใจ ชาร์ล เลอ มาญ - ข้าวหลามตัด จูเลียส ซีซาร์
34. อนุสาวรีย์ของใครสักคนที่อยู่บนหลังม้า และม้ายกสองขาขึ้นบนอากาศแปลว่าคนนั้นตายในสงคราม
35.ถ้าม้ายกขาข้างเดียวแปลว่า เขาบาดเจ็บในสงคราม และตายจากการบาดเจ็บนั้น

36.ถ้าทั้งสี่ขาของม้าอยู่บนพื้น แสดงว่าตายโดยธรรมชาติ

วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2552

>>>ปลาสลิด สัตว์น้ำเศรษฐกิจของไทย<<<

หากจะกล่าวถึงปลาน้ำจืดเศรษฐกิจที่ได้รับความนิยมบริโภคกันอย่างแพร่หลาย มีด้วยกันหลายชนิด เช่น ปลานิล ปลาดุก ปลาช่อน ฯลฯ ซึ่งปลาเหล่านี้ปัจจุบันปริมาณความต้องการของผู้บริโภคมีเพิ่มมากขึ้น ทำให้รูปแบบการเลี้ยงปรับสู่ระบบพัฒนาอย่างเต็มรูปแบบ เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค แต่มีปลาอีกชนิดหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการบริโภคอย่างแพร่หลายเช่นกัน แต่รูปแบบการเลี้ยงที่พบเห็นโดยทั่วไป ส่วนใหญ่ยังเป็นระบบธรรมชาติ เช่นการเลี้ยงปลาสลิดโดยแหล่งผลิตปลาสลิดที่รู้จักกันดี คือ ปลาสลิดบางบ่อ สมุทรปราการ ซึ่งจัดว่ามีรสชาติดี เนื้ออร่อยลักษณะทั่วไปของปลาสลิด


ปลาสลิดหรือปลาใบไม้เป็นปลาน้ำจืด ซึ่งเป็นปลาพื้นบ้านของไทยมีแหล่งกำเนิ[คำไม่พึงประสงค์]ยู่ในที่ลุ่มภาคกลาง มีชื่อวิทยาศาสตร์ Trichogaster pecteralis นิยมเลี้ยงกันมากแถวภาคกลาง ส่วนที่พบในประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เวียดนาม มาเลเซีย อินโดนีเซีย อินเดีย ปากีสถาน ศรีลังกา และฟิลิปปินส์ เป็นพันธุ์ปลาที่ส่งไปจากเมืองไทยเมื่อประมาณ 80 -90 ปีที่ผ่านมา และเรียกว่าสยามหรือเซียม ปลาสลิดเป็นปลาที่เลี้ยงงาย อดทนต่อความเป็นกรดและน้ำที่มีปริมาณออกซิเจนน้อยได้ดี มีห่วงโซ่อาหารสั้น คือกินแพลงก์ตอนเป็นอาหาร ต้นทุนการผลิตต่ำ โดยนิยมเลี้ยงอยู่ในนาเรียกว่าชาวนาปลาสลิด
ปลาสลิดชอบอยู่ในบริเวณที่มีน้ำนิ่ง เช่น หนอง บึง ตามบริเวณที่มีพันธุ์ไม้น้ำ เช่น ผักและสาหร่ายเพื่อใช้เป็นกำบังและก่อหวอดวางไข่ เนื่องจากปลาชนิดนี้โตเร็วในแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีอาหารพวกสาหร่าย พืชและสัตว์เล็ก ๆ จึงสามารถนำปลาสลิดมาเลี้ยงในบ่อและนาข้างได้เป็นอย่างดี
ปลาสลิดมีรูปร่างคล้ายปลากระดี่หม้อ แต่ขนาดโตกว่า ลำตัวแบน ข้างมีครีบท้องยาวครีบเดียว สีของลำตัวมีสีเขียวออกเทาหรือสีคล้ำเป็นพื้น มีริ้วดำพาดขวางตามลำตัว จากหัวถึงโคนหาง เกล็ดบนเส้นข้างตัวประมาณ 42-47 เกล็ดปากเล็กยืดหดได้ ตัวโตเต็มที่ยาวประมาณ 20 ซม.
การเพาะพันธุ์ปลาสลิดแบบธรรมชาติ
โดยธรรมชาติปลาสลิดสามารถผสมพันธุ์และวางไข่ได้เมื่อมีอายุ 7 เดือน ขนาดโตเต็มวัยเฉลี่ยจะมีขนาดตัวประมาณ 6-7 นิ้ว น้ำหนัก 130-140 กรัม วางไข่ได้ครั้งละ 4,000 – 10,000 ฟอง เมื่อถึงฤดูวางไข่ท้องแม่ปลาจะอูมเบ่งออกมาทั้ง 2 ข้าง ลักษณะไข่ปลาสลิดมีสีเหลือง โดยในบ่อควรปลูกผักบุ้งรอบ ๆ ขอบบ่อ ปลาสลิดจะเข้าไปก่อหวอดวางไข่ ซึ่งลูกปลาวัยอ่อนสามารถเลี่ยงตัว หลบหลีกศัตรูตามบริเวณชานบ่อไป
การฟักไข่
ไข่ปลาสลิดเริ่มฟักเป็นตัวภายใน 24 ชม. และทยอยฟักเป็นตัวภายใน 48 ชม. ไข่ที่ไม่ได้รับการผสมจะเป็นราสีขาว ไม่ออกเป็นตัว ลูกปลาที่ออกจากไข่ใหม่ ๆ จะไม่กินอาหารประมาณ 7 วัน เมื่อจะเริ่มกินอาหารลูกปลาจะขึ้นมาเหนือน้ำในตอนเช้าตรู่ สำหรับพันธุ์ปลาสลิดที่นิยมผลิตขายนั้นมี 2 พันธุ์ คือ ลายแตงไทยและลายเสือ โดยพันธุ์ที่ได้รับความนิยม คือ ลายแตงไทยเพราะโตกว่าลายเสือ ส่วนเพศ ต้องการเพศเมียมากกว่าเพศผู้ เพราะโตกว่าเช่นกัน ในการดูว่าปลาตัวไหนเพศเมียให้ดูที่ท้อง คือตัวเมียท้องจะยานส่วนตัวผู้ท้องจะยาว ปลาสลิดมีแนวโน้มด้านการตลาดในอนาคตแจ่มใส เพราะปลาสลิดเป็นผลผลิตที่ตลาดต้องการสูง สามารถนำมาประกอบอาหารทั้งรูปสดและทำเค็ม ตากแห้ง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ปลาสลิดตากแห้งเป็นที่นิยมบริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งได้ส่งเป็นสินค้าออกของประเทศอีกชนิดหนึ่ง โดยในปี 2538 มีผลผลิต 16,000 ตัน และเพิ่มขึ้นเป็น 22,000 ตันในปี 2542 ซึ่งส่วนใหญ่ปลาสลิดจะมีการแปรรูปเพื่อเพิ่มมูลค่ามากกว่าการบริโภคสด
การแปรรูปปลาสลิดที่นิยมโดยทั่วไปแบ่งได้ 2 แบบ คือ
1. ปลาหอม หรือปลาจืด
2. ปลาน้ำหรือปลาเกลือ
ปลาสลิดที่แปรรูปเป็นปลาหอมหรือปลาจืด และปลาน้ำหรือปลาเกลือมีการกระจายผลผลิต โดยจะมีผู้ค้าส่งมารับถึงที่ ซึ่งมีทั้งผู้ค้าในท้องถิ่น ผู้ค้าส่งแถบต่างจังหวัด และผู้ค้าส่งจากกรุงเทพฯ นอกจากนี้ยังมีบริษัทที่ส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และยังมีผู้บริโภคในท้องถิ่นมาซื้อถึงที่อีกด้วย หลังจากนั้นผู้ค้าส่งจึงส่งต่อไปให้ผู้ค้าปลีก เพื่อขายให้ผู้บริโภคต่อไป จะเห็นว่าปลาสลิดน่าจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่เกษตรกรรมนำมาประกอบเป็นอาชีพ เพราะเป็นปลาที่ทนต่อสภาพแวดล้อมที่แปรปรวนได้ง่าย อย่างประเทศของเราในปัจจุบันและยังเป็นปลาที่ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่ง รวมถึงเรื่องของอาหารสำหรับปลาสลิด นับว่าเป็นการลดต้นทุนได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะปลาสลิดจะกินพวกพืชเป็นอาหาร ดังนั้น หากมีพื้นที่ที่เหมาะสมและทำการปรับปรุงเพื่อการเลี้ยงปลาสลิด จะช่วยเพิ่มปริมาณอาหารโปรตีนและเสริมรายได้ให้แก่ครอบครัว เพื่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดี

วันอังคารที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2552

>>กำเนิดปฎิทินไทย<<

ปฎิทิน แปลว่า แบบสำหรับดู วัน เดือน ปี สามารถเขียนได้เป็นประติทิน (ภาษาสันสกฤต) หรือ ประฎิทิน (บาลีแผลง) ประดิทิน หรือ ประนินทิน ก็ได้ คำหลังนี้พบในหนังสือที่เขียนโดย หมอบรัดเลย์ ในหนังสืออักขราภิธานศรับท์ หน้า 412 และหนังสือ สยามไสมย หน้าโฆษณาของหมอสมิท เป็นต้น
แบบสำหรับดู วัน เดือน ปี มีทั้งที่จารึกบนก้อนหิน หรือขีดเขียน และพิมพ์บนกระดาษ ซึ่งมีทั้งชนิดเป็นแผ่น ตั้งแต่ 1-12 แผ่น และชนิดพิมพ์เป็นเล่มแบบหนังสือปฎิทินชนิดเล่ม
การพิมพ์ปฎิทินมีขึ้นเป็นครั้งแรกในเมืองไทยเมื่อวันที่ 14 มกราคม พศ.2385 (ปลายสมัยรัชกาลที่ 3) ซึ่งสามารถตรวจสอบและค้นคว้าหาหลักฐานได้จากไมโครฟิล์ม หนังสือบางกอกคาเลนดาร์ ปมี ค.ศ.1870 (พ.ศ.2413) หน้า 5 ในหอสมุดแห่งชาติ หรือค้นคว้าได้จากหนังสือต้นฉบับที่หอสมุดดำรงราชานุภาพ ซึ่งหมอบรัดเลย์ได้เขียนไว้ว่า "14 First Calendar print in B.1842" ( ไม่บอกว่าใครเป็นผู้พิมพ์ แต่ควดหมายว่า คือ หมอบรัดเลย์ ซึ่งเป็นเจ้าของโรงพิมพ์ผู้มีผลงานทางหนังสือมากมาย)
รัชการที่ 4 ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์ปฎิทินภาษาไทย (ภายหลังจากที่หมอบรัดเลย์พิมพ์ปฎิทินชิ้นแรกในสยาม เมื่อ พ.ศ.2385) เมื่อวันที่ 12 มีนาคม พ.ศ.2404 ดังปรกกฎหลักฐานในหนังสือบางกอกคาเลนดาร์ ฉบับปี ค.ศ.1862 (พ.ศ. 2405)
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ปฎิทินที่พิมพ์ในเมืองไทยได้แก่ "ประนินทิน" ซึ่งลงโฆษณาในหนังสือ สยามไสมย ของหมอสมิท เขียนคำโฆษณาไว้ตอนหนึ่งว่า "ประนินทินนี้แจ้งให้รู้ถึงการอื่นเป็นอันมาก อันควรคนทั้งปวงจะรู้ ถ้าไม่รู้เขาจะนินทาว่าคนโง่" แจ้งราคาขายไว้เล่มละ 4 บาท (ราคาในสมัยนั้น) ปัจจุบันยังหาประนินทินของหมอสมิทไม่พบ
ปฎิทินในสมัยรัชกาลที่ 6 ที่น่าสนใจ ได้แก่ ปฎิทินพกเล่มเล็กๆ ที่พระองค์ทรงโปรดเกล้าฯ ให้พิมพ์เป็นของชำร่วยสำหรับแจกพระราชทานแก่ขุนนางที่ลงนามถวายพระพรในวันขึ้นปีใหม่ ปฎิทินพกแบบนี้ยังมีแจกต่อมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ซึ่งบุคคลธรรมดาก็สามารถไปลงนามถวายพระพรและรับปฎิทินหลวงได้
การพิมพ์ปฎิทินเล่ม ยังมีการจัดทำต่อมาจนกระทั่งถึงรัชกาลปัจจุบัน ปฎิทินเล่มยังมีรายละเอียดในเรื่องของสภาพภูมิอากาศ เวลาน้ำขึ้น-น้ำลง การเดินทางของดวงจันทร์และดวงอาทิตย์ และมีช่องว่างให้บันทึกเล็กน้อย ยังมีสมุดบันทึกอีกแบบหนึ่งซึ่งบอกรายละเอียดของ วัน เดือน ปี เรียงไปตามลำดับ และมีหน้าที่จดบันทึกหมายเหตุรายวัน รวมถึงวันสำคัญ และวันเวลานัดหมาย ฯลฯ ที่เรียกว่า "ไดอารี่" (Diary) หรือ " สมุดบันทึกประจำวัน " ก็สามารถอนุโลมให้เป็นปฎิทินได้
ปฎิทินไ[คำไม่พึงประสงค์]ารี่เริ่มมีใช้ในเมืองไทยเมื่อใดยังไม่ปรากฎหลักฐานที่ชัดเจน แต่ไ[คำไม่พึงประสงค์]ารี่ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วไปและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์อย่างสูง คือ ไดอารี่ของรัชกาลที่ 5 ซึ่งเมื่อตีพิมพ์เผยแพร่ มีชื่อเรียกว่า "จดหมายเหตุพระราชกิจรายวัน

วันจันทร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

>>โปรแกรมสแกนไวรัสออนไลน์ Free Scan Virus Online <<

Free Scan Virus Online ก็เป็นโปรแกรมสแกนไวรัสออนไลน์ หรือเว็บสแกนไวรัสออนไลน์ครับ อย่างที่เคยพูดไปหลายๆเรื่องครับว่าทุกวันนี้เขาจะเอาโปรแกรม หรือ application ไปไว้บนเว็บซะส่วนมากแล้วครับคือเทรนต่อไปมันจะมาแนวนี้หมดครับ เขาเรียกว่า DATA Center ครับ และผมเคยเขียนไว้เว็บเก่าก่อนนี้ไปแล้วละครับ แต่เอามาบอกใหม่ครับ รวมเว็บสแกนไวรัสออนไลน์จากค่าย antivirus ดังๆครับ เอาไว้สแกนเครื่องแต่เน็ตแรงๆหน่อยก็ดีนะ

1. Kaspersky โปรแกรมป้องกันไวรัสที่ได้รับความนิยมอันดับต้นๆครับ สแกนเจอแต่อาจจะลบไฟล์ไม่ได้นะครับ คือ Detect อย่างเดียวไม่ Delete


2. BitDefender Online Scanner ใช้ได้กับ IE (internet explorer) อย่างเดียวครับ Detect and Remove ได้




3.ESET Online Scanner: อันนี้จากค่าย E-SET หรือเรารู้จักดีใน Nod32 ครับ สามารถ remove malware—viruses, spyware, adware, worms, trojans, and more from any PC






4.. Trend Micro HouseCall: โปรแกรมป้องกันไวรัสค่ายดังจาก Trend Micro อันนี้ hotmail ใช้เป็น anti spam mail อยู่ครับ ใช้ Check ไฟล์ที่ต้องสงสัยได้ครับ ใช้ได้กับ IE and Firefox




5. Panda ActiveScan 2.0: จากค่ายโปรแกรมแอนตี้ไวรัสหมีแพนด้าครับ เอออ panda เฉยๆครับ สแกนได้ไม่สามารถลบได้



6. F-Secure Online Scanner: อาจจะไม่ค่อยคุ้นครับจากค่าย F-Secure ใช้ได้กับ IE





7. McAfee FreeScan: จากค่าย McAfee ครับ อัพเดทดาต่าเบสจาก McAfee โดยตรง