วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2552

>>>กินเจ ตั้งใจงดเนื้อสัตว์ น้อมนำสิ่งดี...ชีวีมีสุข<<<

เมื่อย่างเข้าสู่เดือน 9 ทีไร ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนเรามักจะเห็นร้านอาหารปักธงสีเหลืองเต็มไปหมด เป็นสัญลักษณ์หนึ่งที่ทำให้รู้ว่า เข้าสู่ “เทศกาลกินเจ” แล้ว
บรรยากาศเทศกาลกินเจของเมืองไทยมีความคึกคักเหมือนเช่นทุกปี ปัจจุบันหนุ่มสาวยุคใหม่นิยมหันมากินเจกันมากขึ้น อาจจะมาจากกระแสรักสุขภาพฟีเวอร์ เพราะการงดเนื้อสัตว์ทุกชนิดและหันมาบริโภคผัก ผลไม้จะช่วยชำระล้างของเสียออกจากร่างกาย หรือที่คนยุคนี้เรียกว่า การล้างพิษ ซึ่งจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น

จิตรา ก่อนันทเกียรติ ผู้ศึกษาเรื่องราวของชาวจีนมาอย่างยาวนาน เล่าถึงการกินเจให้ฟังว่า กำเนิดของเทศกาลกินเจมีหลายตำนาน ถ้าเอาตำนานที่ไม่ค่อยมีคนเล่ามาก่อนมีอยู่ว่า ทุกวันนี้ประเทศจีนมีอยู่ 3 ลัทธิ คือ ลัทธิเต๋า ลัทธิขงจื๊อ และพระพุทธศาสนา ในส่วนของพระพุทธศาสนาเข้ามาในประเทศจีน เมื่อ พ.ศ. 610 แต่ลัทธิเต๋ามีมาก่อน หน้านี้ เป็นร้อย ๆ ปีแล้ว โดยในลัทธิเต๋าจะมีนักพรต ที่อยากเป็นเซียน คือ อยากเป็นอมตะ ในการเป็นอมตะนักพรตมองว่า คือการขึ้น เขา เข้าป่า ไปอยู่ในอากาศอันบริสุทธิ์ ไปอยู่ในที่สมณะและปฏิบัติธรรม

พูดถึงการปฏิบัติธรรม การกินเจจึงเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งด้วย โดยการกินเจตามลัทธิเต๋า เรียกว่า ลักกึงเช็งเจ๋ง โดย ลัก แปลว่า 6 คำว่า กึง เช็ง เจ๋ง แปลว่า ทวารทั้ง 6 บริสุทธิ์ ซึ่งหมายถึง ทวารทางตา ให้ใส่ชุดขาว ไม่ดูอะไรที่ฉูดฉาดบาดตา ทวารทางหู คือ ฟังธรรมะ ฟังแต่สิ่งดี ๆ ไม่ ฟังคำพูดนินทาว่าร้ายผู้อื่น เมื่อเป็นเช่นนี้ ต้องงดดูละคร ด้วย ส่วน ทวารทางจมูก ไม่สูดกลิ่นหอม ไม่ใช้น้ำหอมและงดกินผักกลิ่นฉุนทั้ง 5 ทวารทางปาก คือ กินอาหารที่สะอาด ไม่กินเนื้อสัตว์ ทวารทางกาย คือ ไม่มีเพศสัมพันธ์กันในช่วงนี้ เป็นช่วงพักร่างกาย เพราะไม่ได้กินอาหารที่มีพลังงานสูง สุดท้าย ทวารทางใจ คือ คิดดี ปฏิบัติดี ไม่นินทาว่าร้ายผู้อื่น


“สิ่งที่ต้องระวังในการกินเจ ให้สังเกตดูว่า เมื่อกินเนื้อสัตว์แล้วถ่าย กับวันแรกที่เริ่มกินเจ กินผัก แล้วถ่าย 2 วันที่ถ่ายนั้นไม่ควรเหมือนกัน เพราะการกินเนื้อสัตว์อุจจาระจะเหนียวแต่การกินผักมาก ๆ อุจจาระจะไม่เกาะตัว จะมีลักษณะนิ่ม การขับถ่ายจะง่ายกว่า ถ้ากินเจแล้วระบบการขับถ่ายยังไม่ดี ต้องหวนกลับมาทบทวนว่า มีความผิดพลาดเกิดขึ้นที่ตรงไหน เพราะโดยส่วนตัว ที่กินเจเพื่อให้ถ่ายได้ง่ายขึ้น จะได้มีสุขภาพที่ดี จึงต้องกลับมาดูว่า นอนน้อยไปหรือไม่ เพราะการนอนน้อยจะทำให้ตัวร้อนท้องผูกได้ แต่ถ้าไม่ได้นอนน้อย ต้องคิดย้อนไปว่ามื้อเมื่อวานที่กินเข้าไปมีแป้งหรือของทอดมากเกินไปหรือไม่ เพราะแป้งและน้ำมันจะทำให้อุจจาระเหนียว”

เทศกาลกินเจ ถ้าคิดในระบบไมโคร คนที่กินเจอย่างถูกหลักก็จะมีประโยชน์ต่อสุขภาพของตนเอง แต่หากมองในแง่ของแม็คโคร ในเชิงเศรษฐกิจและประเทศชาติ เวลามีเทศกาลต่าง ๆ เกิดขึ้น รวมทั้งเทศกาลกินเจจะทำ ให้เงินสะพัดมากขึ้น มีการคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ขึ้นมา ทั้งไทย จีน ฝรั่ง มีความหลากหลายในการเลือกกินมากขึ้น แล้วจะทำให้ 10 วัน ผ่านไปไวเหมือนโกหก

“ไม่ว่าจะเป็นคนที่เริ่มกินเจหรือคนที่กินเจอยู่แล้วทุกปี ให้มองดูว่า การกินเจของเรานั้นเป็นประโยชน์เพียงพอหรือยัง ถ้ากินทั้ง ๆ ที่ยังนินทาผู้อื่นอยู่ ก็เท่ากับว่ามีของดีแต่ยังใช้ไม่เป็นประโยชน์ หรือกินแล้วทำไมอ้วนขึ้น รวมทั้งกินเจแล้วก็ยังถ่ายยาก ท้องผูกอยู่ ต้อง กลับมาทบทวนอาหารที่เรากินเข้าไป เพราะยังมีอาหารจีนดั้งเดิมอยู่หลายเมนูที่ไม่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หรือมีแป้งมากเกินไป ทำให้ต้องเลือกบริโภคให้แต่ละมื้อได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อร่างกาย เช่น มื้อเช้าหนักแป้งแล้ว มื้อต่อมาไม่ควรเป็นแป้งหรือมีน้อยลง”

จิตรา ให้แง่คิดทิ้งท้ายว่า “การกินเจไม่เพียงล้างพิษทางกายอย่างเดียวแต่ควรล้างพิษทางใจด้วย อย่าลืมกินเจให้ใจด้วย ทบทวน ดูว่าที่ผ่านมาเรากินเจแล้วถือศีลทางใจด้วยหรือไม่ ยังนินทาคนอื่น ยังโลภ ไม่พอใจในสิ่งที่ตนเองมี ยังอยากมี อยากได้ ไม่เผื่อแผ่คนอื่นอยู่หรือไม่ เทศกาลกินเจจึงเป็นจังหวะหนึ่งให้ได้หวนคิดในสิ่งที่ถูกที่ควร ซึ่งเป็นการเริ่มต้นในการทำสิ่งดี ๆ ต่อ ๆ ไปในชีวิต แต่ไม่ใช่ทำแค่ในช่วงนี้เทศกาลนี้เท่านั้น” แล้วจะมีความสุข ทั้งทางร่างกายและจิตใจในช่วงเทศกาลเจ.

ไม่มีความคิดเห็น: